ถ. บุคคลเป็นจำนวนมาก เขาซื้อลอตเตอรี่กันทุกเดือน เมื่อถูกลอตเตอรี่เขาก็ย่อมเกิดโสมนัสยินดี มีความพอใจ และอยากจะซื้ออีก เขาบอกว่า ไม่จำเป็นจะต้องไปเจริญสติปัฏฐาน ลอตเตอรี่ถูก เราก็ยินดี พอใจแล้ว รู้แล้วว่าเรายินดี เราพอใจ เช่นนี้จะต้องไปเจริญสติปัฏฐานอะไรกันอีก
สุ. ต้องการตายแล้วเกิดอีกต่อไปเรื่อยๆ จึงจะไม่ต้องเจริญสติปัฏฐานอะไร ก็เป็นเรื่องของบุคคลที่ไม่เห็นภัยในวัฏฏะ
ถ. รู้ว่าอยากได้
สุ. รู้ว่าอยากได้ แต่เป็นตัวตนที่อยากได้ ไม่ใช่รู้ว่าสภาพความยินดีพอใจที่เกิดขึ้นในขณะนั้นเป็นนามธรรมชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดปรากฏแล้วก็หมดไป เพราะเหตุว่ามีนามธรรมอื่นประเภทอื่นต่อไป เพราะฉะนั้น วันหนึ่งๆ ไม่ใช่มีแต่อกุศลจิตที่จะระลึกรู้ มีจิตอื่นด้วย คือ กุศลจิตก็มี
ถ. แต่เขาพอใจ
สุ. เขาพอใจ เขาก็เกิดอีก เขาก็ตายอีก ก็เรื่องของเขาที่จะเวียนเกิดเวียนตาย เพราะเขายังเต็มไปด้วยอวิชชา
ผู้ที่เจริญจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน ไม่ใช่เพียงรู้ว่ากำลังพอใจ แต่รู้ว่าสภาพที่พอใจนั้นเป็นแต่เพียงนามธรรมชนิดหนึ่งต่างกับนามธรรมอื่นๆ เพราะเหตุว่าพอสติระลึกรู้ลักษณะของโลภมูลจิต โลภมูลจิตก็ดับ แล้วสติก็ระลึกรู้ลักษณะของจิตประเภทอื่นต่อไป มีนามมีรูปมากมายทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ที่จะต้องระลึกเพื่อรู้ชัดเพิ่มขึ้น
ผู้ที่เจริญสติเป็นผู้ที่ทราบว่า ได้รู้ลักษณะของนามอะไรเพิ่มขึ้น มากขึ้น แล้วความสมบูรณ์ของญาณเกิดขึ้นแล้วหรือยัง และผู้นั้นก็รู้ได้ว่า ญาณนั้นเกิดขึ้นเพราะเจริญเหตุอย่างไร ไม่ใช่ว่าไม่เคยเจริญสติเลย แล้วจะมีญาณเกิดขึ้น ซึ่งก่อนจะรู้แจ้งอริยสัจธรรม ญาณก็จะต้องเกิดเป็นลำดับขั้น ถ้าญาณขั้นที่ ๑ ยังไม่เกิด ผู้นั้นจะรู้แจ้งอริยสัจธรรมได้ไหม
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...
แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 131