สภาพของกิเลสทั้งหลายที่ทำให้จิตเศร้าหมอง ไม่ว่าจะเป็นโลภะ โทสะ อวิชชา มานะ ทิฏฐิ... ไม่เพียงแต่ชาตินี้ที่มีอวิชชาไม่รู้เป็นประธาน เป็นศรีษะ ถอยไปในอดีตอันยาวนานก็มีความไม่รู้ ไม่รู้ความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ ทันทีที่ได้เห็น ได้ยิน...ก็ติดข้องพอใจ เปรียบกิเลสที่สะสมมาหนักมาก กำลังจมอยู่เหมือนไม่มีแรงเลยที่จะออกจากสังสารวัฏฏ์ เหมือนคนที่กำลังนอนอยู่แล้วจะลุกขึ้น ก่อนที่จะลุกขึ้นก็ต้องยกศรีษะก่อน การอบรมความเข้าใจที่มั่นคงจนกว่าจะรู้ความจริงจริงๆ พอมีกำลังที่จะยกศรีษะขึ้น จนกว่าจะมีกำลังพอที่จะลุกขึ้นเดินไป มีหนทางเดียวเท่านั้น...ฟังพระธรรมให้เข้าใจจนกว่าจะเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏว่าเป็นธรรมะแต่ละอย่าง ค่อยๆ รู้ค่อยๆ มีกำลัง ค่อยๆ ละความไม่รู้ เป็นผู้ยกศรีษะขึ้นหรือยัง?
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่...
อวิชชา เป็นศีรษะ [วัตถุกถา]
ผู้ไม่มีโอกาสยกศีรษะขึ้นจากวัฏฏทุกข์ได้ [อภัยเถรคาถา]
ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ค่ะ...
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนา อ. กำปั่น ที่กรุณายกพระสูตรให้ค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
การบำเพ็ญบารมี ๑๐ จึงเป็นหนทางนำไปสู่การถึงฝั่งคือพระนิพพานค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขณะที่ฟังธรรมแล้วเข้าใจถูกเห็นถูก ขณะนั้นปัญญาค่อยๆ สะสมอบรมทีละเล็กทีละน้อยปัญญาขั้นฟังทำอะไร อวิชชา ไม่ได้ แต่ปัญญาจะค่อยๆ คลายความไม่เข้าใจธรรมตามความเป็นจริงลงได้ ไม่มีตัวตนของใครจะสามารถประหารศีรษะคืออวิชชาให้ตกลงไป นอกจากผู้นั้นจะมีโอกาสฟังธรรม เข้าใจธรรม บำเพ็ญบารมี เจริญสติปัฏฐาน เจริญกุศลทุกประการจนถึงพร้อม บรรลุความเป็นพระอรหันต์ในที่สุด แต่ก็เป็นจีรภาลภาวนาจริงๆ ครับ