ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๔๓
~ ฟังพระธรรมเพื่อละความไม่รู้ แล้วก็เบิกบานที่มีโอกาสเข้าใจ แม้เพียงเล็กน้อยก็ยังดีกว่าไม่รู้เสียเลย และถ้าฟังบ่อยขึ้น มีหรือที่จะไม่ค่อยๆ เข้าใจขึ้น เพราะเป็นเรื่องละความไม่รู้
~ การศึกษาพุทธศาสนา เป็นเรื่องใหญ่ที่จะเข้าใจในพระปัญญาคุณที่สามารถจะทำให้เราจากความมีกิเลสมากเป็นผู้ที่ลดกิเลสลง จนสามารถที่จะดับกิเลสได้ แต่ไม่ใช่ว่าทีเดียวแล้วดับได้ และไม่ใช่ว่าไม่ศึกษาแล้วจะละได้ ละไม่จริง เพราะเหตุว่า เป็นเราพยายามละ พยายามสักเท่าไหร่ก็ปราบกิเลสไม่ได้ แต่ถ้าปัญญาเกิด ปัญญาเป็นสภาพธรรมที่เห็นถูกต้องเข้าใจถูกต้อง เหมือนแสงสว่างซึ่งกำจัดความมืด เพราะฉะนั้น ถ้าไม่มีปัญญา อย่าคิดว่าใครจะดับกิเลสได้
~ เรากล่าวคำบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยความเคารพ แต่จะเคารพยิ่งขึ้นเมื่อได้เข้าใจคำที่พระองค์ตรัสเมื่อพระองค์ได้ตรัสรู้แล้ว เพราะฉะนั้น ขอให้เราเริ่มเข้าใจทุกคำที่พระองค์ตรัส เป็นการบูชาสูงสุด เพราะว่า เมื่อพระองค์ทรงบำเพ็ญพระบารมีตรัสให้เราเข้าใจ เราก็ศึกษาด้วยความเคารพจนกว่าจะเข้าใจ สมกับที่เราได้กล่าวคำบูชา
~ ทุกคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้เกิดความเข้าใจถูก และเมื่อนั้นแหละจะได้รู้คุณจริงๆ ของความประเสริฐยิ่งที่ไม่มีใครเปรียบที่สามารถที่จะเกื้อกูลอนุเคราะห์ให้สัตว์โลกสามารถเข้าใจถูกต้องได้ซึ่งยากแสนยากที่จะเข้าใจได้
~ เดี๋ยวนี้เป็นธรรม ถ้าไม่ได้ฟังธรรม ทุกขณะก็ผ่านไปด้วยความไม่รู้ เดี๋ยวนี้เป็นธรรม ไม่ต้องไปแสวงหา เกิดมาก็เป็นธรรม ตั้งแต่เกิดจนตาย ทุกขณะเป็นธรรม จะรู้ไม่ใช่ไปรู้ที่อื่น แต่รู้ธรรมที่กำลังปรากฏขณะนี้
~ น้ำหยดหนึ่งที่จะลงตุ่ม กว่าจะเต็ม ทีละหนึ่งหยด นานๆ ก็ยังเต็มได้ เพราะฉะนั้น แม้เพียงขณะสั้นๆ ต่อไปเราก็จะคุ้นเคย จะค่อยๆ รู้ว่า นี่คือ ขณะที่กำลังเริ่มที่จะรู้ลักษณะแท้จริงของสภาพธรรมที่เราได้เรียนมาฟังมานานแสนนาน ประโยชน์ก็อยู่ตรงที่ระลึกลักษณะนั้นเพื่อที่จะรู้จริงๆ ว่าความจริงเป็นตามที่ได้เรียนมา ประโยชน์สูงสุดอยู่ตรงนี้
~ กิเลสทั้งหมดมีหลายอย่าง โลภะทั้งหมดซึ่งเป็นความติดข้องก็เป็นกิเลส โทสะ ความขุ่นเคือง ไม่ชอบ ก็เป็นกิเลส เป็นสภาพที่ทำให้จิตเศร้าหมอง ไม่ผ่องใส ไม่ผ่องใสในทีนี้ คือ เป็นอกุศล เป็นสภาพธรรมที่ไม่ดี
~ พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง จะทำให้คนฟังต่างอัธยาศัยได้สำนึกได้เข้าใจจริงๆ ว่า แต่ละคนคือจิตอะไร ดีแค่ไหน หรือว่าตรงกันข้าม สะสมอะไร อกุศลเป็นขยะหรือเป็นสิ่งที่ควรทิ้ง แต่ก็เก็บมาเรื่อยเลยทุกวัน ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ใส่จนเต็มใจ
~ เวลาอ่านหนังสือพิมพ์หรือได้ฟังเรื่องซึ่งแสนที่จะโหดร้ายทารุณเหลือเกิน ขณะนั้นคิดถึงจิตของคนที่กระทำสิ่งที่ไม่ดีใช่ไหม แต่จิตของเราที่กำลังคิดถึง มีกระจกส่องหรือยัง ลืมแล้ว ลืมกระจก ไม่ได้เอากระจกไปด้วยทุกหนทุกแห่ง
~ เราไม่ชอบกิเลส แต่ถ้ายังมีอวิชชาความไม่รู้ ก็ยังมีกิเลส เพราะฉะนั้น ที่จะหมดกิเลสได้ ก็ต้องค่อยๆ ละอวิชชา วิธีที่จะละอวิชชา ก็ต้องมีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นในสภาพธรรม
~ ต่างคนต่างใจ ตามการสะสม ถ้าคนไหนที่โกรธบ่อยๆ เขาต้องเป็นคนที่ขี้โมโห เจ้าโทสะ ถ้าคนไหนที่เห็นใครก็มีเมตตาช่วยเหลือ สงเคราะห์ทนไม่ได้ที่จะไม่ช่วยคนอื่น ก็เพราะสะสมสั่งสมมาทีละเล็กทีละน้อยจนกระทั่งเป็นอุปนิสัย เป็นสิ่งที่มีกำลังที่จะทำให้เป็นอย่างนั้นคิดอย่างนั้นในขณะนั้น
~ ในเมื่อเราทำกรรมไว้แล้ว อย่างไรก็ต้องเป็นเราที่จะต้องได้รับผลของกรรมนั้น เราจะให้คนอื่นมารับผลของกรรมที่เราทำไม่ได้ เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องที่เราจะไม่โกรธแค้นคนอื่น ไม่คิดว่าเป็นเขาซึ่งทำให้เราต้องเสียใจต้องเป็นทุกข์ เพราะว่า ถ้าไม่มีกรรมของเรา อย่างไรคนอื่นก็ไม่สามารถจะทำให้เราเกิดทุกข์เดือดร้อนได้ เราก็จะมีความเบาสบายขึ้น เพราะว่าเข้าใจเหตุผลเพิ่มขึ้น
~ โลภะเกิดดับไหม ถ้าไม่มีเหตุให้โลภะเกิด โลภะจะเกิดไหม โทสะเกิดและดับไหม ถ้าไม่มีเหตุให้โทสะเกิด โทสะจะเกิดไหม ปัญญาเกิดและดับไหม ถ้าไม่มีเหตุให้ปัญญาเกิด ปัญญาจะเกิดได้ไหม
~ การที่จะเป็นคนดีไม่ง่าย ถ้าจะดีได้จริงๆ ก็เพราะปัญญาที่รู้ความจริงว่าทุกอย่างเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยทั้งสิ้น เพราะทุกคนอยากจะดี แต่ทำไมบางคนไม่ดีเพราะอะไร เพราะฉะนั้น มีหนทางเดียวที่จะทำให้ทุกคนค่อยๆ ดีขึ้น เพราะมีปัญญารู้ความจริงขึ้น
~ เราหลงยึดถือว่าทั้งหมดนี้เป็นเรา แต่ไม่มีอะไรเหลือ ทุกวันๆ นี้เกิดแล้วหมดไปๆ ไม่มีอะไรเหลือและบังคับบัญชาไม่ได้ด้วย
~ ใครจะมองเราอย่างไร ใครจะคิดกับเราว่าอย่างไร เขาจะชอบเราหรือเปล่า เราทำอย่างนี้ผิดไปแล้วจะทำอย่างไร เดือดร้อนมากมายมหาศาล แต่ถ้ารู้ว่าเป็นธรรม ความเบานี้จะมี และการที่ความดีทั้งหลายจะหลั่งไหลมาเพราะรู้ว่าไม่มีเรา จะเป็นประโยชน์กับโลกอย่างมากมาย ทั้งตัวเอง ทั้งคนอื่น ทั้งสังคมด้วย
~ เราทุกข์เพราะกิเลส ทั้งๆ ที่วันนี้เราก็แข็งแรงดี ไม่เจ็บไข้ได้ป่วย แต่ใจที่กำลังเดือดร้อนสักนิดหนึ่งก็เพราะกิเลส แต่ลองคิดถึงผู้ที่ไม่มีกิเลสเพราะดับสนิท ไม่มีเชื้อที่จะให้เกิดกิเลสใดๆ ได้อีกเลย จะทำประโยชน์ได้มากมายแค่ไหน ที่เราทำประโยชน์ได้น้อยสละได้น้อยเพราะยังมีเรา แต่ถ้าเรามีปัญญาจริงๆ ดับกิเลส กิเลสจะหมดไปเป็นส่วนๆ แล้วเราก็จะทำประโยชน์ได้มากขึ้น
~ ถ้าได้ลาภเพชรนิลจินดา หายได้ไหม ตกน้ำได้ไหม ขโมยลักได้ไหม โจรปล้นได้ไหม แต่ความรู้ใครจะลักเอาไปได้ ไม่มีทางที่จะลักเอาไปได้เลย เพราะฉะนั้น สิ่งที่ประเสริฐที่สุดสูงที่สุดไม่ใช่ทรัพย์สินเงินทอง แต่ลาภอันประเสริฐ คือ การได้มีโอกาสฟังและเข้าใจพระธรรม
~ เห็นประโยชน์ของความดีมากแค่ใหน ถ้าเห็นว่าความดีมีประโยชน์มาก มีหรือที่จะรีรอในการทำความดี เพราะฉะนั้น ก็เป็นไปตามความเข้าใจทั้งหมด ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น
~ จะเสื่อมลาภเสื่อมยศ ก็เป็นของธรรมดา แต่ความเห็นผิด ควรอย่างยิ่งที่จะรีบละทิ้ง ไม่เก็บสะสมต่อไป เพราะถ้าเก็บสะสมต่อไป ก็เป็นโทษและไม่สามารถที่จะละได้
~ ถ้าเรามีความเป็นมิตร มีความเป็นเพื่อน มีเมตตาจริงๆ ก็คือ หวังดี จะทำร้ายคนที่เราหวังดีได้ไหม? ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ขณะที่ทำร้ายใคร ขณะนั้น ไม่เมตตา
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๔๒
... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...
กราบเท้าบูชาคุณของท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพอย่างสูงยิ่ง
กราบอนุโมทนาอจ.คำปั่น ที่รวบรวมคำของท่านอาจารย์ ให้พึงระลึกอยู่เสมอค่ะ
กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณที่ปันธรรม จักน้อมนำไปศึกษา
เข้าใจได้ปัญญา จากกรุณาในอาจารย์
จากฟังแล้วฟังเล่า น้อมรับเอาไว้สืบสาน
ไตร่ตรองครรลองกาล ถึงนิพพานแม้นนานเอยฯ
อนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
กราบท่านอาจารย์สุจินต์ด้วยความเคารพอย่างสูงและขออนุโทนาในความเกื้อกูลของ อจ.คำปั่นด้วยค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ยินดีในกุศลจิตครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ