พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 184 ข้อความบางตอนจาก อรรถกถา สัพพาสวสังวรสูตร ก็ภิกษุใดฟังคำพูดหยาบคาย และคำพูดอันสหรคตด้วยอันเติมวัตถุ ซึ่งมาจากที่ไกลเพราะเป็นคำพูดที่หยาบคายแล้ว พิจารณาถึงคุณของขันติ ไม่หวั่นไหวด้วยอำนาจการด่าตอบเหมือนพระทีฆภาณกอภัยเถระ. ภิกษุนี้นั้นบัณฑิตพึงทราบว่า เป็นผู้อดทนต่อถ้อยคำหยาบซึ่งมาแต่ไกลได้. ได้ยินว่า พระเถระกล่าวมหาอริยวังสปฏิปทา เพื่อความเป็นผู้ยินดีในการเจริญสันโดษด้วยปัจจัย. ชาวบ้านทั้งหมดต่างพากันมา. มหาสักการะจึงได้เกิดมีแก่พระเถระ พระมหาเถระบางรูปอดกลั้นสักการะนั้นไม่ได้ จึงด่าโดยนัยเป็นต้นว่า พระทีฆภาณกะก่อความวุ่นวายขึ้นตลอดคืน ด้วยกล่าวว่าเราจะกล่าวอริยวงศ์.
ก็พระเถระทั้ง ๒ รูป (เวลาเดินทาง) กลับไปสู่วิหารของตนๆ และได้เดินร่วมทางเดียวกันไปสิ้นหนทางประมาณคาวุตหนึ่ง. พระเถระนั้นก็ได้ด่าพระทีฆภาณกเถระแม้ทุกๆ คาวุต. ครั้นแล้ว พระทีฆภาณกเถระยืนอยู่ในที่ที่หนทางของวิหารทั้ง ๒ แยกกัน ไหว้พระเถระนั้นแล้วกล่าวว่า ท่านผู้เจริญ นี้เป็นทางของท่านดังนี้. พระเถระนั้นเดินจากไปทำเหมือนไม่ได้ยิน. ฝ่ายพระทีฆภาณกเถระไปถึงวิหารล้างเท้าแล้วนั่งลง. อันเตวาสิกจึงได้กล่าวกะท่านว่า ท่านผู้เจริญ อะไรกัน ทำไมท่านจึงไม่กล่าวอะไรๆ กะพระเถระนั้นซึ่ง
ด่าบริภาษท่านทุกๆ คาวุต. พระเถระตอบว่า อาวุโส ความอดทนเป็นหน้าที่ของเรา ความไม่อดทนหาใช่เป็นหน้าที่ของเราไม่ เราเองไม่ (เคย) เห็นการพลาดจากกัมมัฏฐาน (ของเรา) แม้ในเพราะการยกเท้าข้างหนึ่ง. ในที่นี้ควรทราบว่า ถ้อยคำนั้นแหละชื่อว่า ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม.