การศึกษาธรรมเพื่อการเข้าใจธรรม การเข้าใจลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฎถูกต้องตามความเป็นจริง ไม่ใช่เข้าใจชื่อ ไม่ใช่เข้าใจเรื่อง แต่เข้าใจลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฎถูกต้อง ถ้าเข้าใจลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฎในขณะที่ฟัง ถ้าเข้าใจ นี่คือปฎิบัติ ไม่ใช่ไปทำอย่างอื่นเลย ยกตัวอย่างทางตา เวลานี้มีสิ่งที่กำลังปรากฎ ฟังแล้ว แล้วก็เข้าใจด้วยในขั้นการฟัง แต่ว่าลักษณะจริงๆ ของธาตุที่กำลังเห็น กำลังรู้ สิ่งที่กำลังปรากฎทางตาเป็นแต่เพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่ง
เข้าใจลักษณะนี้ที่กำลังเห็น แล้วก็เข้าใจสิ่งที่ปรากฎทางตาจริงๆ เป็นสภาพธรรมที่เพียงปรากฎให้เห็น แล้วก็ให้คิดตามสิ่งที่ปรากฎ เข้าใจให้ถูกต้องทีละเล็ก ทีละน้อย ขณะ ที่ค่อยๆ เข้าใจ คือ การปฎิบัติธรรม ธรรมกำลังปฎิบัติธรรม สมควรแก่ธรรม สมควรแก่ธรรม คือ สมควรแก่การที่จะเกิดความเข้าใจที่ถูกต้องในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ
อนุโมทนาคะ
ขณะที่ฟังเรื่องธรรมะแล้วเข้าใจ สติปัญญาขั้นฟังก็ปฏิบัติกิจของสติปัญญาขั้นฟังขณะที่คิดพิจารณาเรื่องธรรมะ สติปัญญาขั้นคิดก็ปฏิบัติกิจของสติปัญญาขั้นคิดขณะที่ระลึกรู้ตรงลักษณะธรรมะที่ปรากฏ สติปัฏฐานก็ปฏิบัติกิจของสติปัฏฐาน ธมฺมา นุ ธมฺม ปฏิปตฺติ ธรรมถึงเฉพาะธรรม
ขออนุโมทนาครับ
สาธุ
ขออนุโมทนาเจ้าของกระทู้และความเห็นที่ ๒
การที่เขียนได้อย่างนี้จะต้องมีความเข้าใจอย่างมากในการศึกษา มีหลายท่านที่ยังไม่เข้าใจว่า การฟังแล้วเข้าใจเป็นยังไงคิดพิจารณาแล้วเข้าใจเป็นยังไร ส่วนผมสนใจขณะที่ระลึกตรงลักษณะธรรมที่ปรากฏหรือ ธรรมกำลังปฎิบัติธรรม จะต้องอย่างไร ธรรมปฎิบัติธรรม ถ้าจะกรุณาก็ขอบพระคุณเพราะ เข้าใจก็แล้ว คิดพิจารณาก็แล้ว แล้วก็เป็นยังงี้อยู่ ครับ
ขอถวายความนอบน้อมแด่พระรัตนตรัยด้วยเศียรเกล้า
การศึกษาธรรมเพื่อการเข้าใจธรรม การเข้าใจลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฎถูกต้องตามความเป็นจริง ไม่ใช่เข้าใจชื่อ ไม่ใช่เข้าใจเรื่อง แต่เข้าใจลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฎถูกต้อง ถ้าเข้าใจลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฎในขณะที่ฟัง ถ้าเข้าใจ นี่คือปฎิบัติ ไม่ใช่ไปทำอย่างอื่นเลย
กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขออณุญาตสนทนากับความคิดเห็นที่ ๔ ดังนี้
เคยได้ยินมาว่าผู้ที่ ข้าใจแล้ว หมายถึง พระอรหันต์ ส่วนพวกเรา เรียกว่า ผู้ที่กำลังศึกษาเพื่อค่อยๆ สะสมความเข้าใจค่ะ
ขออนุโมทนาพี่เมตตา
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ
เรียนพี่ choonj ความคิดเห็นที่ ๔ ค่ะ
ไม่มีตัวตนที่จะต้องทำอย่างไรทั้งนั้นค่ะ เพราะเมื่อมีความเข้าใจในสภาพธรรมที่กำลังปรากฎถูกต้อง เช่นขณะเห็น ก็เข้าใจจริงๆ ว่าเป็นเพียงนามธรรม เป็นธาตุที่กำลังเห็น ส่วนสิ่งที่ปรากฎทางตาก็เป็นเพียงสภาพธรรมที่เพียงปรากฎให้เห็นเท่านั้นแล้วพิจารณาตามสิ่งที่ปรากฎให้ถูกต้อง ค่อยๆ อบรมไปไม่มีหนทางอื่น จนกว่าสติเกิดระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ นี่คือธรรมกำลังปฎิบัติธรรม ไม่มีตัวตนที่จะไปทำหรือหวังให้สติเกิด
ขออนุโมทนาค่ะ
จากความเห็นที่ ๕ ผมก็ได้ยินมาว่า ปัญญามีหลายระดับ ปัญญาระดับฟังเข้าใจ ปัญญาระดับระลึกพิจารณาเข้าใจ ปัญญาระดับประจักษ์แจ้งเข้าใจ หมายถึงพระอรหันต์ ส่วนพากเราน่าจะเป็นระดับฟังแล้วพอเข้าใจและระลึกศึกษาสะสมอยู่ ครับ
รูปเทียนเมื่อจุดขึ้นก็ไล่ความมืด (มืด) แสงสว่างเปรียบเหมือนปัญญาเมื่อถูกจุดขึ้นก็จะเห็นสภาพธรรมตามความเป็นจริงซึ่งทุกคนจะมุ่งไป แต่ก็น่าเสียดายความมืดที่เคยเห็นอยู่ ครับ
จากความเห็นที่ ๖ พิจารณาสิ่งที่ปรากฏให้ถูกต้อง จนกว่าสติเกิดระลึกรู้ ไม่ใช่ง่ายนะครับ กลัวครับกลัวจะล้มแหลวถ้าไม่เข้าใจถูกต้องยังไง สติเกิดระลึกยังไง เข้าใจครับไม่มีตัวตน และก็เข้าใจอีกครับที่อธิบายต่ออาจผิด เพราะยังไม่มีประสบการณ์ ก็เท่านี้คงพอ ครับ
เรียนพี่ choonj ค่ะ
ขณะที่ฟังธรรมแล้วเข้าใจ การเข้าใจลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฎ และพิจารณาเข้าใจถูกในสิ่งที่กำลังปรากฎจริงๆ ก็มีหนทางเดียวจริงๆ ค่อยๆ อบรมความเข้าใจถูก ปัญญาจะค่อยๆ เจริญขึ้น จนกว่าสติจะเกิดระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฎตามความเป็นจริง
พี่ choonj พูดถูกค่ะ ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย แต่เมื่อเริ่มหนทางที่ถูกต้องแล้ว แม้จะต้องอบรมเจริญปัญญาอีกนานแสนนานแค่ไหนก็ยังมีทางถึงจุดหมายได้ แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าจะล้มเหลว เพราะถ้ากลัวแสดงว่ายังเป็นตัวตนที่คาดหวังอยู่ และ เมื่อผิดหวังก็เสียใจเป็นธรรมดาค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ