บุคคลโผล่ขึ้นแล้วทรงตัวอยู่ ทรงอยู่ได้บางครั้งกุศลเกิด บางครั้งอกุศลเกิด เหมือนคลื่นน้ำพัดไปมาได้แก่ บุคคลที่ได้ฟังธรรมอบรมเจริญปัญญาขณะนี้ แต่เมื่อสติไม่เกิดก็ต้องมีเหตุให้อกุศลเกิด ซึ่งก็เป็นความจริงขณะนี้เอง
จมโดยนัยของสภาพธรรม
จม หมายถึง ไม่มีกำลังพอที่จะโผล่ สิ่งที่ปรากฏทางตามีจริงๆ แล้ว เกิดดับแล้ว ไม่มีกำลังที่จะเข้าใจสิ่งที่เกิด เห็นในขณะนี้ ก็เหมือนจมน้ำ
สภาพธรรมที่ปรากฏ // การทรงตัวในห้วงน้ำ
ขณะนี้มีธรรมที่ปรากฏ ทรงตัวได้หรือไม่ กำลังเห็น กำลังได้ยิน ถ้าจะทรงตัวได้อย่างมั่นคง คือ ขณะนี้รู้ว่ามีสิ่งที่เกิดแล้ว กำลังเห็นเป็นไปตามปัจจัย แล้วก็ดับ เป็นธรรมที่ควรรู้ยิ่งไม่ใช่อย่างอื่นจนกว่าจะถึงความสิ้นไปของความเห็นผิด ทรงตัวเหลียวทิศได้แต่หากไม่ศึกษาไม่ละเอียดรอบคอบ แม้กุศลเกิด แต่การฟังผิดก็จมลงได้อีก
บุคคลโผล่ขึ้นแล้วเหลียวไปมา
โผล่เหลียวดูทิศที่ไปได้ คือ การอบรมเจริญปัญญาจนดับความเห็นผิดไม่เกิดอีกเลย ได้แก่ พระโสดาบันบุคคล
อ่านข้อความเตือนสติทั้งหมดจากอุทกูปม สูตร..ข้อความเตือนสติเรื่องอุทกูปมสูตร
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลวิริยะครับ