จีวรวรรค - นิสสัคคิยกัณฑ์
โดย บ้านธัมมะ  12 มี.ค. 2565
หัวข้อหมายเลข 42791

[เล่มที่ 5] พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ เล่ม ๓

พระวินัยปิฎก เล่ม ๓

ภิกขุนีวิภังค์

นิสสัคคิยกัณฑ์

จีวรวรรค

สิกขาบทที่ ๑ 138/165

พระบัญญัติ ๓๖.๑ 166

อรรถกถาสิกขาบทที่ ๑๑ (เลข ๑๑ บาลีเป็น ๑) 169

สิกขาบทที่ ๒ 142/170

พระบัญญัติ ๓๗.๒ 171

อรรถกถาสิกขาบทที่ ๑๒ (เลข ๑๒ บาลีเป็น ๒) 174

สรุปท้ายนิสสัคคิยปาจิตตีย์ 175


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 5]



ความคิดเห็น 1    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 12 มี.ค. 2565

พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ เล่ม ๓ - หน้า 165

จีวรวรรค สิกขาบทที่ ๑

เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา

[๑๓๘] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวันอารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณี ถุลลนันทาเป็นพหูสูต เป็นคนช่างพูด เป็นผู้องอาจ สามารถกล่าวถ้อยคำมี หลักฐาน ครั้นถึงฤดูหนาว พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสะพักผ้ากัมพลมีค่ามาก เสด็จเข้าไปหาภิกษุณีถุลลนันทาถึงสำนัก ทรงอภิวาทภิกษุณีถุลลนันทาแล้ว ประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ภิกษุณีถุลลนันทาทูลชี้แจงธรรมีกถาถวาย ให้ท้าวเธอทรงเห็นแจ้งสมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ครั้นท้าวเธอทรงเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาของภิกษุณีถุลลนันทาแล้ว ได้ทรง ปวารณาภิกษุณีถุลลนันทาดังนี้ว่า ข้าแต่แม่เจ้า ขอท่านได้โปรดบอกสิ่งที่ต้อง ประสงค์.

ภิกษุณีถุลลนันทาทูลว่า ขอถวายพระพร ถ้ามหาบพิตรมีพระราชประสงค์จะพระราชทานแก่อาตมภาพไซร้ ขอได้โปรดพระราชทานผ้ากัมพลผืน ที่ทรงนี้.

พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงถวายผ้ากัมพลแก่ภิกษุณีถุลลนันทา ในทันใด นั้นแล แล้วเสด็จลุกจากที่ประทับ ทรงอภิวาทภิกษุณีถุลลนันทา กระทำ ประทักษิณแล้วเสด็จกลับ.

คนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ภิกษุณีเหล่านั้น เป็นคนมักมาก ไม่สันโดษ ไฉนจึงได้ทูลขอผ้ากัมพลทรงต่อองค์พระราชาเล่า.


ความคิดเห็น 2    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 12 มี.ค. 2565

พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ เล่ม ๓ - หน้า 166

ภิกษุณีทั้งหลายได้ยินคนพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนแม่เจ้า ถุลลนันทาจึงได้ทูลขอผ้ากัมพลทรงต่อองค์พระราชาเล่า ...

ทรงสอบถาม

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลาย ข่าวว่าภิกษุณีถุลลนันทาทูลขอผ้ากัมพลทรงต่อองค์พระราชาจริง หรือ.

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท

พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉน ภิกษุณีถุลลนันทา จึงได้ทูลขอผ้ากัมพลทรงต่อองค์พระราชาเล่า การกระทำ ของนางนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ...

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่าง นี้ว่าดังนี้:-

พระบัญญัติ

๓๖. ๑. อนึ่ง ภิกษุณีผู้จะให้เขาจ่ายผ้าห่มหนัก พึงให้จ่าย ได้เพียงราคา ๔ กังสะเป็นอย่างยิ่ง ถ้าให้จ่ายยิ่งกว่านั้นเป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์.

เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา จบ


ความคิดเห็น 3    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 12 มี.ค. 2565

พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ เล่ม ๓ - หน้า 167

สิกขาบทวิภังค์

[๑๓๙] ที่ชื่อว่า ผ้าห่มหนัก ได้แก่ผ้าชนิดหนึ่งที่สำหนับห่มในฤดู หนาว

บทว่า ผู้จะให้จ่าย คือ ผู้จะขอ.

บทว่า พึงให้จ่ายได้เพียงราคา ๔ กังสะเป็นอย่างยิ่ง คือ ให้ จ่ายผ้ามีราคาเพียง ๖ กหาปนะได้.

คำว่า ถ้าให้จ่ายยิ่งกว่านั้น ความว่า ขอผ้ามีราคาเกินกว่านั้นเป็น ทุกกฏในประโยค เป็นนิสสัคคีย์ด้วยได้ผ้ามา ต้องเสียสละแก่สงฆ์ คณะ หรือ ภิกษุณีรูปหนึ่ง.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลผ้าเป็นนิสสัคคีย์นั้น อันภิกษุณีพึงเสียสละ อย่างนี้.

วิธีเสียสละ

เสียสละแก่สงฆ์

ภิกษุณีรูปนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ... แม่เจ้า ผ้าห่มหนักผืนนี้ของข้าพเจ้า มีราคาสูงเกิน ๔ กังสะ ขอได้มา เป็นของจำจะสละ ข้าพเจ้าสละผ้าห่มหนัก ผืนนี้แก่สงฆ์ ... สงฆ์พึงให้ผ้าห่มหนักผืนนี้แก่ภิกษุณีชื่อนี้ ดังนี้.

เสียสละแก่คณะ

ภิกษุณีรูปนั้นพึงเข้าไปหาภิกษุณีหลายรูป ... แม่เจ้าทั้งหลาย พึงให้ ผ้าห่มหนักผืนนี้แก่ภิกษุณีมีชื่อนี้ ดังนี้.

เสียสละแก่ภิกษุรูปหนึ่ง

ภิกษุณีรูปนั้นพึงเข้าไปหาภิกษุณีรูปหนึ่ง ... ข้าพเจ้าให้ผ้าห่มหนักผืน นี้แก่แม่เจ้า ดังนี้.


ความคิดเห็น 4    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 12 มี.ค. 2565

พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ เล่ม ๓ - หน้า 168

บทภาชนีย์

ติกะนิสสัคคิยปาจิตตีย์

[๑๔๐] ผ้าห่มหนักมีราคาเกิน ๔ กังสะ ภิกษุณีสำคัญว่าเกิน ขอได้มา เป็นนิสสัคคีย์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

ผ้าห่มหนักมีราคาเกิน ๔ กังสะ ภิกษุณีสงสัย ขอได้มา เป็นนิสสัคคีย์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

ผ้าห่มหนักมีราคาเกิน ๔ กังสะ ภิกษุณีสำคัญว่าหย่อน ขอได้มา เป็น นิสสัคคีย์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

ทุกะทุกกฏ

ผ้าห่มหนักราคาหย่อน ๔ กังสะ ภิกษุณีสำคัญว่าเกิน ต้องอาบัติ ทุกกฏ.

ผ้าห่มหนักมีราคาหย่อน ๔ กังสะ ภิกษุณีสงสัย ต้องอาบัติทุกกฏ.

ไม่ต้องอาบัติ

ผ้าห่มหนักมีราคาหย่อน ๔ กังสะ ภิกษุณีสำคัญว่าหย่อน ไม่ต้อง อาบัติ.

อนาปัตติวาร

[๑๔๑] ขอผ้าห่มหนักมีราคา ๔ กังสะ เป็นอย่างยิ่ง ๑ ขอผ้าห่มหนัก มีราคาหย่อน ๔ กังสะ ๑ ขอต่อญาติ ๑ ขอต่อคนปวารณา ๑ ขอเพื่อประโยชน์ ของผู้อื่น ๑ จ่ายมาด้วยทรัพย์ของตน ๑ ทายกประสงค์ให้จ่ายผ้าห่มหนักมีราคา


ความคิดเห็น 5    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 12 มี.ค. 2565

พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ เล่ม ๓ - หน้า 169

แพง แต่ให้จ่ายผ้าห่มหนักมีราคาถูก ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกังมิกา ๑ ไม่ต้อง อาบัติแล.

จีวรวรรค สิกขาบท๑ ที่ ๑ จบ

อรรถกถาจีวรวรรค สิกขาบทที่ ๑๑

วินิจฉัยในสิกขาบทที่ ๑๑ พึงทราบดังนี้:-

บทว่า ครุปาปุรณํ คือ ผ้าห่มในฤดูหนาว. ชื่อว่า กังสะ ใน บทว่า จตุกฺกํสปรมํ นี้ มีราคา ๔ กหาปณะ; เพราะฉะนั้น ในบทภาชนะ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า มีค่าเท่ากับ ๑๖ กหาปณะ.

อรรถกถาจีวรวรรค สิกขาบท ที่ ๑๑ จบ


๑. อรรถกถาเป็นสิกขาบทที่ ๑๑


ความคิดเห็น 6    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 12 มี.ค. 2565

พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ เล่ม ๓ - หน้า 170

จีวรวรรค สิกขาบท (๑) ที่ ๒

เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา

[๑๔๒] โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถี ครั้งนั้น ภิกษุณี ถุลลนันทาเป็นพหูสูต เป็นคนช่างพูด เป็นผู้องอาจ สามารถกล่าวถ้อยคำมี หลักฐาน ครั้นฤดูร้อน พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงสะพักผ้าโขมพัสตร์มีค่ามาก เสด็จเข้าไปหาภิกษุณีถุลลนันทาถึงสำนัก ทรงอภิวาทภิกษุณีถุลลนันทา แล้ว ประทับนั่ง ณ ที่สมควรส่วนข้างหนึ่ง เมื่อพระเจ้าปเสนทิโกศลประทับนั่ง ณ ที่ สมควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ภิกษุณีถุลลนันทาทูลชี้แจงธรรมีกถา ถวายให้ท้าว เธอทรงเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ครั้นท้าวเธอทรงเห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริง ด้วยธรรมีกถาของภิกษุณีถุลลนันทาแล้ว ได้ทรง ปวารณาภิกษุณีถุลลนันทาดังนี้ว่า ข้าแต่แม่เจ้า ขอท่านได้โปรดบอกสิ่งที่ต้อง ประสงค์.

ภิกษุณีถุลลนันทาทูลว่า ขอถวายพระพร ถ้ามหาบพิธมีพระราชประสงค์จะพระราชทานแก่อาตมภาพไซร้ ขอได้โปรดพระราชทานผ้าโขมพัสตร์ผืน ที่ทรงนี้.

พระเจ้าปเสนทิโกศลทรงถวายผ้าโขมพัสตร์แก่ภิกษุณีถุลลนันทาในทัน ใดนั้นแล แล้วเสด็จลุกจากที่ประทับ ทรงอภิวาทภิกษุณีถุลลนันทา กระทำ ประทักษิณแล้วเสด็จกลับ.

คนทั้งหลายพากันเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ภิกษุณีเหล่านี้เป็น คนมักมาก ไม่สันโดษ ไฉนจึงได้ทูลขอผ้าโขมพัสตร์ทรงต่อองค์พระราชาเล่า.


(๑) อรรถกถาเป็นสิกขาบทที่ ๑๒


ความคิดเห็น 7    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 12 มี.ค. 2565

พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ เล่ม ๓ - หน้า 171

ภิกษุณีทั้งหลายได้ยินคนพวกนั้นเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู่ บรรดาที่เป็นผู้มักน้อย ... ต่างก็เพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนแม่เจ้า ถุลลนันทาจึงได้ทูลขอผ้าโขมพัสตร์ทรงต่อองค์พระราชาเล่า ...

ทรงสอบถาม

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข่าวว่าภิกษุณีถุลลนันทาทูลขอผ้าโขมพัสตร์ทรงต่อองค์พระราชา จริงหรือ.

ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า.

ทรงติเตียนแล้วบัญญัติสิกขาบท

พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฉน ภิกษุณีถุลลนันทาจึงได้ขอผ้าโขมพัสตร์ทรงต่อองค์พระราชา การกระทำของ นางนั่นไม่ ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ...

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลภิกษุณีทั้งหลายจงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดง อย่างนี้ว่าดังนี้:-

พระบัญญัติ

๓๗. ๒. อนึ่ง ภิกษุณีผู้จะให้เขาจ่ายผ้าห่มเบา พึงให้จ่าย ได้เพียงราคา ๒ กังสะกึ่งเป็นอย่างยิ่ง ถ้าให้จ่ายยิ่งกว่านั้น เป็น นิสสัคคิยปาจิตตีย์.

เรื่องภิกษุณีถุลลนันทา จบ

สิกขาบทวิภังค์

[๑๔๓] ที่ชื่อว่า ผ้าห่มเบา ได้แก่ ผ้าชนิดใดชนิดหนึ่งที่สำหรับ ห่มในฤดูร้อน.


ความคิดเห็น 8    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 12 มี.ค. 2565

พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ เล่ม ๓ - หน้า 172

บทว่า ผู้จะให้จ่าย คือ ผู้จะขอ.

บทว่า พึงให้จ่ายได้เพียงราคากังสะกึ่งเป็นอย่างยิ่ง คือ ให้จ่ายผ้ามีราคาเพียง ๑๐ กหาปณะได้.

คำว่า ถ้าให้จ่ายยิ่งกว่านั้น ความว่า ขอผ้ามีราคาเกินกว่านั้น เป็น ทุกกฏในประโยค เป็นนิสสัคคีย์ด้วยได้ผ้ามา ต้องเสียสละแก่สงฆ์ คณะ หรือ ภิกษุณีรูปหนึ่ง.

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็แลผ้าเป็นนิสสัคคีย์นั้น อันภิกษุณีพึงเสียสละ อย่างนี้.

วิธีเสียสละ

เสียสละแก่สงฆ์

ภิกษุณีรูปนั้นพึงเข้าไปหาสงฆ์ ... แม่เจ้า ผ้าห่มเบาผืนนี้ของข้าพเจ้า มีราคาสูงเกิน ๒ กังสะกึ่ง ขอได้มา เป็นของจำจะสละ ข้าพเจ้าสละผ้าห่มเบา ผืนนี้แก่สงฆ์ ... สงฆ์พึงให้ผ้าห่มเบาผืนนี้แก่ภิกษุณีมีชื่อนี้ ดังนี้.

เสียสละแก่คณะ

ภิกษุณีรูปนั้นพึงเข้าไปหาภิกษุณีหลายรูป ... แม่เจ้าทั้งหลายพึงให้ผ้า ห่มเบาผืนนี้แก่ภิกษุณีมีชื่อนี้ ดังนี้.

เสียสละแก่ภิกษุณีรูปหนึ่ง

ภิกษุณีรูปนั้นพึงเข้าไปหาภิกษุณีรูปหนึ่ง ... ข้าพเจ้าให้ผ้าห่มเบาผืน นี้แก่แม่เจ้า ดังนี้.


ความคิดเห็น 9    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 12 มี.ค. 2565

พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ เล่ม ๓ - หน้า 173

บทภาชนีย์

ติกะนิสสัคคิยปาจิตตีย์

[๑๔๔] ผ้าห่มเบามีราคาเกิน ๒ กังสะกึ่ง ภิกษุณีสำคัญว่าเกิน ขอ ได้มา เป็นนิสสัคคีย์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

ผ้าห่มเบามีราคาเกิน ๒ กังสะกึ่ง ภิกษุณีสงสัย ขอได้มา เป็นนิสสัคคีย์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

ผ้าห่มเบามีราคาเกิน ๒ กึ่งสะกึ่ง ภิกษุณีสำคัญว่าหย่อน ขอได้มา เป็นนิสสัคคีย์ ต้องอาบัติปาจิตตีย์.

ทุกะทุกกฏ

ผ้าห่มเบามีราคาหย่อน ๒ กังสะกึ่ง ภิกษุณีสำคัญว่าเกิน ต้องอาบัติ ทุกกฏ.

ผ้าห่มเบามีราคาหย่อน ๒ กังสะกึ่ง ภิกษุณีสงสัย ต้องอาบัติทุกกฏ.

ไม่ต้องอาบัติ

ผ้าห่มเบามีราคาหย่อน ๒ กังสะกึ่ง ภิกษุณีสำคัญว่าหย่อน ไม่ต้อง อาบัติ.

อนาปัตติวาร

[๑๔๕] ขอผ้าห่มเบามีราคา ๒ กังสะกึ่งเป็นอย่างยิ่ง ๑ ขอผ้าห่มเบา มีราคาหย่อน ๒ กังสะกึ่ง ๑ ขอต่อญาติ ๑ ขอต่อคนปวารณา ๑ ขอเพื่อ ประโยชน์ของผู้อื่น ๑ จ่ายมาด้วยทรัพย์ของตน ๑ ทายกประสงค์ให้จ่ายผ้าห่ม เบามีราคาแพง แต่ให้จ่ายผ้าห่มเบามีราคาถูก ๑ วิกลจริต ๑ อาทิกัมมิกา ๑ ไม่ต้องอาบัติแล.


ความคิดเห็น 10    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 12 มี.ค. 2565

พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ เล่ม ๓ - หน้า 174

บทสรุป

[๑๔๖] แม่เจ้าทั้งหลาย ธรรม คือ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๓๐ สิกขาบท๑ ข้าพเจ้ายกขึ้นแสดงแล้วแล ข้าพเจ้าขอถามแม่เจ้าทั้งหลายในธรรมคือนิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๓๐ สิกขาบทเหล่านั้นว่า ท่านทั้งหลายเป็นผู้บริสุทธิ์ แล้วหรือ ข้าพเจ้า ขอถามแม้ครั้งที่สองว่า ท่านทั้งหลายเป็นผู้บริสุทธิ์แล้วหรือ ข้าพเจ้าขอถาม แม้ครั้งที่สามว่า ท่านทั้งหลายเป็นผู้บริสุทธิ์แล้วหรือ แม่เจ้าทั้งหลายเป็นผู้ บริสุทธิ์แล้วในธรรมคือนิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๓๐ สิกขาบทเหล่านี้ เหตุนั้นจึงนิ่ง ข้าพเจ้าทรงความนี้ไว้ด้วยอย่างนี้.

นิสสัคคิยปาจิตตีย์ จบ

อรรถกถาจีวรวรรค สิกขาบทที่ ๑๒

วินิจฉัย ในสิกขาบทที่ ๑๒ พึงทราบดังนี้:-

บทว่า ลหุปาปุรณํ คือ ผ้าสำหรับห่มในฤดูร้อน. คำที่เหลือตื้น ทั้งนั้น แม้ในสิกขาบททั้ง ๒.

สิกขาบทนี้ มีสมุฏฐาน ๖ เป็นกิริยา โนสัญญาวิโมกข์ อจิตตกะ ปัณณัตติวัชชะ กายกรรม วจีกรรม มีจิต ๓ มีเวทนา ๓ ฉะนี้แล.

อรรถกถาจีววรรค สิกขาบทที่ ๑๒ จบ


๑. นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๓๐ สิกขาบท คือ เอกโตบัญญัติ ๑๒ สิกขาบทเท่านี้ กับอุภโตบัญญัติ ๑๘ สิกขาบท. สมันตปาสาทิกา หน้า ๕๓๒.


ความคิดเห็น 11    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 12 มี.ค. 2565

พระวินัยปิฎก ภิกขุนีวิภังค์ เล่ม ๓ - หน้า 175

สรุปท้ายนิสสัคคิยปาจิตตีย์

ในคำว่า อุทฺทิฏฺา โข เป็นต้นนี้ บัณฑิตพึงเห็นใจความอย่างนี้ ว่า ในคำว่า ข้าแต่แม่เจ้าทั้งหลาย ธรรม คือ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๓๐ ข้าพเจ้า ยกขึ้นแสดงแล้วแล นี้ ผู้ศึกษาพึงชัก ๒ สิกขาบท คือ โธวนสิกขาบทกับ ปฏิคคหณสิกขาบท ออกจากจีวรวรรคในมหาวิภังค์แล้วเพิ่มให้เต็มวรรคที่ ๑ ด้วยสิกขาบท คือ ภิกษุณีอธิษฐานอกาลจีวรว่า เป็นกาลจีวร แล้วแจกกัน กับสิกขาบทว่าด้วยจีวรที่ภิกษุณีแลกเปลี่ยนกันแล้วชิงคืนมา. ต่อไปพึงชัก ๗ สิกขาบทข้างต้นแห่งเอฬกโลมวรรคออกแล้ว เพิ่มอัญญทัตถิกสิกขาบท ๗ สิกขาบทเข้ามาให้เต็มวรรคที่ ๒. ชัก ๓ สิกขาบท คือ ปฐมปัตตสิกขาบท วัสสิกสาฎิกสิกขาบท และอารัญญกสิกขาบท ออกจากวรรคที่ ๓ แล้วเพิ่ม วรรคที่ ๓ ให้เต็มด้วยปัตตสันนิจยสิกขาบท ครุปาปุรณสิกขาบท และลหุ- ปาปุรณสิกขาบท. แม่เจ้าทั้งหลาย ธรรมคือ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๓๐ แม้ ทั้งหมดอย่างนี้ คือ ๑๒ สิกขาบทที่ทรงบัญญัติไว้แก่ภิกษุณีทั้งหลายฝ่ายเดียว อย่างนี้ กับ ๑๘ สิกขาบทที่ทรงบัญญัติแก่ทั้ง ๒ ฝ่าย ข้าพเจ้ายกขึ้นแสดงแล้ว แล ตามแนวทางปาฏิโมกข์ขุทเทส.๑ บทที่เหลือมีนัยดังกล่าวแล้วทั้งนั้นแล.

ติงสกกัณฑวรรณนาในภิกขุนีวิภังค์ ในอรรถกถาพระวินัย

ชื่อสมันตปาสาทิกา จบ


๑. ปาฐะตรงนี้ข้างต้นเป็น ปาฏิโมกกฺขุทฺเทสมตฺเตน แต่นี้ไปเป็น ปาฏิโมกฺขุทฺเทสมฺคฺเคน. ยุติ อย่างไร ควรพิจารณา. ม. ปาฏิโมกฺขุทฺเทสมคฺเคน