ทวิเหตุกบุคคล ปฏิสนธิด้วยมหาวิบากญาณวิปปยุตตจิต จึงประกอบด้วยเหตุ ๒ คือ อโลภเหตุ อโทสเหตุ ไม่สามารถบรรลุธรรมในชาตินั้นได้ เพราะไม่มี อโมหเหตุ (ปัญญาเจตสิก) เกิดร่วมกับปฏิสนธิจิต ... อยากเรียนถามว่า
๑. เขาสามารถที่จะค่อยๆ อบรมเจริญปัญญาสั่งสมในชาตินั้นได้ ตามกำลังของเขาใช่ไหมครับ
๒. แม้ไม่มีปัญญาเจตสิกเกิดร่วมกับปฏิสนธิจิต แต่ในปวัตติกาลก็อาจมีปัญญาเจตสิกเกิดขึ้นได้ (ตามกำลัง) ในขณะที่เค้าน้อมไปในการศึกษาอบรมเจริญปัญญา เกิดความเข้าใจ (มากน้อยตามกำลัง) ขณะนั้นมีปัญญาเจตสิกเกิดร่วมด้วยใช่ไหมครับ เป็นการสั่งสมแต่ยังไม่มีกำลังพอที่จะเป็นโลกุตตรปัญญาที่จะปหานกิเลสในชาตินั้น ต่างกับติเหตุกบุคคล ซึ่งมีปัญญาเจตสิกเกิดร่วมกับปฏิสนธิจิต จึงมีสิทธิ์ที่จะบรรลุธรรมในชาตินั้นได้ (แต่จะบรรลุหรือไม่ ตามเหตุปัจจัย)
ขอบคุณครับ
๑. เขาสามารถที่จะค่อยๆ อบรมเจริญปัญญา สั่งสมปัญญาเข้าใจพระธรรมได้ เจริญสติปัฏฐานได้
๒. ถูกครับ ขณะที่ศึกษาอบรมมีปัญญาเจตสิกเกิดขึ้นได้ แต่บรรลุโลกุตตระไม่ได้ เพราะปฏิสนธิ คือวิบากเป็นเครื่องกั้น ส่วนผู้ที่ปฏิสนธิด้วยติเหตุกบุคคล ไม่มีวิบากเป็นเครื่องกั้น
ผู้ที่เป็น ติเหตุ สามารถอบรมเจริญให้ฌานจิตเกิดได้และอบรมเจริญมรรค ให้วิปัสสนาญาณ ขั้นที่ ๑-๒ เกิดได้ (เป็นจุลโสดาบัน ชาติหน้าไม่ไปอบาย) แต่ผู้ที่เกิดด้วยติเหตุก็มีมากมายที่ไม่สนใจพระธรรม ตายแล้วไปเกิดในอบายภูมิก็มีครับ
ลองคลิกอ่านที่หัวข้อเหล่านี้นะครับ
คุณสมบัติของทวิเหตุกบุคคลกับลัทธิเชื่อแต่กรรมเก่า
พิสูจน์ตัวเอง ติเหตุ หรือ ทวิเหตุ???
ทวิเหตุกบุคคล - ติเหตุกบุคคล
ความเฉลียวฉลาดทางโลก เป็นติเหตุกะบุคคล?
ขออนุโมทนา
พระเทวทัต ก็ปฏิสนธิด้วยติเหตุ ท่านได้ฌาน เหาะเหินเดินอากาศได้ แต่ฌานจิตก็เสื่อม เพราะปรารถนาลามกคืออยากเป็นใหญ่ บุคคลที่ปฏิสนธิด้วยติเหตุ ถ้าชาตินั้นได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าก็สามารถบรรลุได้ค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
อนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ