ในวันหนึ่งๆ เปลี่ยนจากอกุศลเป็นกุศลเพิ่มขึ้นหรือไม่
โดย pirmsombat  17 พ.ย. 2553
หัวข้อหมายเลข 17534

ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ท่านอาจารย์ ในเมื่อได้ทราบเรื่องของอกุศล ๙ กอง ก็จะเห็นได้จริงๆ ว่า ไม่พ้นไปเลยจากอกุศลธรรมนั้นๆ เพราะฉะนั้น เมื่อเข้าใจชีวิตตามความเป็นจริง ก็จะเห็นชัดว่า กำลังก้าวไปสู่อะไร ไปสู่เหว ที่จะตกลงไปลึกๆ จะไปสู่ห้วงน้ำใหญ่ หรือว่าค่อยๆ ขยับออกให้พ้นจากทางนั้น แต่ว่าวันหนึ่งๆ จะเห็นได้ว่า ก้าวไปสู่ทางที่จะทำให้มัวเมามากกว่าการที่จะก้าวไปสู่ทางที่สร่างจากความเมา ถ้าไม่มีการฟังพระธรรมเลยทุกวันจะต้องถูกครอบงำด้วยความมัวเมาไม่มีวันสร่าง แต่เมื่อใดที่มีความเข้าใจในพระธรรม และพิจารณารู้ความคิดของตนเอง ก็จะเห็นได้ว่า ทางที่ควรจะก้าวไปนั้น ควรจะเป็นไปในทางกุศล

ซึ่งถ้าท่านผู้ฟังจะสังเกตจากชีวิตของท่านเองโดยละเอียดขึ้น ก็จะรู้ได้ว่าการกระทำทางกายในวันหนึ่งๆ นี้ หรือทางวาจา ซึ่งดูเหมือนกับว่า ก็ไม่ใช่เป็นภัยร้ายแรง แต่ในขณะใดที่สติสัมปชัญญะเกิด จะรู้ได้ว่า บางขณะ แม้แต่คำพูดนั้นก็พูดไปตามความคิดที่กำลังโกรธ คือคำพูดนั้นเอง พูดเพื่อให้คนอื่นรู้ว่าท่านกำลังโกรธ แม้จะไม่ใช้คำที่หยาบคาย เป็นอย่างนี้ไหมคะ เวลาที่โกรธ คิดโกรธ เพราะฉะนั้น วาจาตามความคิด แม้ว่าจะไม่ใช้คำหยาบ แต่ก็ยังเป็นคำพูดที่ทำให้คนฟังรู้ว่าท่านกำลังโกรธ

วันหนึ่งๆ คือชีวิตประจำวันตามความเป็นจริง ซึ่งแม้ว่าจะสะสมกุศลมาสักเท่าไร แต่ถ้าไม่ใช่ผู้ที่อบรมเจริญสติปัฏฐานที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมว่า ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนจริงๆ ก็ไม่สามารถที่จะละคลายอกุศลนั้นๆ เพียงแต่ว่าเป็นผู้มีสติสัมปชัญญะ มีการระลึกได้เร็วกว่าบุคคลซึ่งไม่เคยฟังพระธรรม เพราะทุกคนก็โกรธ แต่ว่าโกรธแล้ว จะระลึกได้ในขณะนั้นไหมว่า ขณะนั้นได้มีการกระทำทางกาย ทางวาจา ซึ่งเป็นไปตามความคิด หรือความโกรธในขณะนั้น

เพราะฉะนั้น ผลจากการฟังพระธรม แล้วก็เข้าใจพระธรรม ก็เป็นการที่จะรู้ว่า ความคิดของท่านเอง ในวันหนึ่งๆ เปลี่ยนจากอกุศล เป็นกุศลเพิ่มขึ้นหรือไม่ คือคิดที่จะละคลายอกุศลหรือยัง เช่น คิดที่จะไม่ผูกโกรธ เตือนบ่อยๆ เพราะว่า ความโกรธนี้ทุกคนมีแล้ว มีแล้วบางคนก็ไม่ลืม โกรธนาน

อาจจะโกรธ แต่ก่อนนี้ ๓ วัน ก็อาจจะลดลงมาบ้างเหลือสัก ๒ วัน หรือเหลือสักครึ่งวันหรือว่าสักชั่วครู่ แต่เห็นประโยชน์ไหมคะว่า จาก ๓ วันเหลือ ๒ วัน เหลือ ๑ วัน เหลือครึ่งวัน หรือว่าเหลือเพียงชั่วครู่ นี่คือผลจากการฟังเข้าใจพระธรรม แล้วก็พิจารณาพระธรรม มีการคิดที่จะอภัย และมีการที่จะคิดถึงคนอื่นด้วยความเมตตา ไม่มีการคิดที่จะแบ่งพรรคแบ่งพวก เพราะว่า สำหรับปฏิปทาจริยาของพระโพธิสัตว์นั้น มีสังคหวัตถุในบุคคล ทั้งที่เป็นมิตรและที่เป็นศ้ตรู

เพราะฉะนั้น จริยา คือความประพฤติของพระโพธิสัตว์ เกิดจากความคิดอย่างละเอียดมาก เห็นประโยชน์ของทุกอย่างที่เป็นกุศล มีสติสัมปชัญญะที่จะพิจารณา การกระทำทางกาย ทางวาจา หรือแม้แต่ความคิดในขณะนั้น แล้วก็สามารถที่จะมีความมั่นคงที่จะประพฤติปฏิบัติตาม

ในขณะที่ฟังพระธรรม ขณะนี้ หมั่นไส้ใครบ้างหรือเปล่า หรือจริงๆ เลย ขณะที่ฟังพระธรรมแท้ๆ ยังหมั่นไส้ ยังไม่ได้ปฏิบัติตามพระธรรม ยังไม่ได้ละคลายอกุศล ยังไม่เลิกคิดที่จะหมั่นไส้ แล้วขณะอื่นซึ่งไม่ได้ฟังพระธรรม จะเป็นยังไง เพราะฉะนั้น จิตใจนี้เป็นสิ่งซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรมที่เป็นอกุศลไว้มาก และที่เป็นกุศลไว้มาก สำหรับอัธยาศัยที่ต่างกัน ผู้ที่มีอัธยาศ้ยอ่อนโยน พระผู้มีพระภาคเจ้าก็จะแสดงพระธรรมในเรื่องของกุศลทั้งหลาย แต่ผู้ที่มีอุปนิสัยยังดื้อหรือยังกระด้าง ยังไม่อ่อนโยน ก็ต้องทรงแสดงเรื่องของอกุศลไว้มากๆ ให้เห็นโทษของอกุศล ถ้าจะระลึกได้ เคยโกรธใครไว้ เคยไม่ชอบใคร แล้วในขณะที่ฟังพระธรรมเดี๋ยวนี้ คิดอย่างไร นี่ค่ะ ควรที่จะได้พิจารณา แล้วได้ประโยชน์จากการฟังพระธรรม

ถ้าขณะนี้คิดไม่ได้ เพียงขณะที่กำลังฟังพระธรรมแท้ๆ ยังไม่ยอม แล้วขณะอื่นจะเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่าแต่ละชีวิต แม้จะได้เคยฟังพระธรรมมามาก และเจริญบารมีมาบ้างแล้ว แต่กำลังของกิเลสที่ยังไม่ได้ดับ ก็เป็นปัจจัยที่จะให้เกิดอกุศลประเภทต่างๆ ขั้นต่างๆ เกิดความคิด บางท่านก็ไม่แน่ใจ แม้ว่าสิ่งที่ท่านทำนี้ถูกต้องไหม หรือว่าควรทำไหม แต่ว่าถ้าเป็นผู้ที่พิจารณาเหตุผล ก่อนที่จะกระทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด แล้วมีความมั่นใจว่า ขณะนั้นท่านมีความหวังดี สิ่งที่ทำเป็นความถูกต้อง ขณะนั้น ก็จะไม่หวั่นไหวว่าจะเป็นที่รัก หรือจะเป็นที่ชังของใคร เพราะว่าท่านได้พิจารณาแล้วว่า สิ่งที่ท่านทำ ทำด้วยความหวังดี



ความคิดเห็น 1    โดย pamali  วันที่ 18 พ.ย. 2553

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอาจารย์, คุณหมอ และทุกๆ ท่านค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย สมศรี  วันที่ 18 พ.ย. 2553

ตั้งแต่ได้ฟังพระธรรมมา ก็ระลึกได้ว่า แต่ก่อนมีอกุศลเกิดขึ้น เมื่อตอบโต้ไปก็จะทำให้ผู้ฟังไม่สบายใจ และตนเองก็ทุกข์ใจด้วย แต่ปัจจุบัน แม้อกุศลยังมีอยู่ แต่ก็มีความรู้สึกที่จะพูดโต้ตอบช้าลง มีการยั้งคิดว่าถ้าพูดเช่นนี้แล้วเขาคงโกรธ ก็ระงับไม่พูด บางครั้งก็เปลี่ยนเรื่องพูด จึงทำให้ไม่มีเรื่องไม่สบายใจทั้งสองฝ่าย แล้วจึงค่อยหันมาพูดเรื่องเดิมด้วยเหตุด้วยผล จะต้องหมั่นฟังพระธรรมเนืองๆ จึงจะเข้าใจสภาพธรรมที่ปรากฏตามความจริง ... จนเป็นสังขารขันธ์ ให้ความเป็นตัวตนน้อยลง

กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย pirmsombat  วันที่ 18 พ.ย. 2553

ขอบคุณและอนุโมทนาทุกท่านครับ


ความคิดเห็น 4    โดย aditap  วันที่ 18 พ.ย. 2553

เพราะว่าท่านได้พิจราณาแล้วว่า สิ่งที่ท่านทํา ทําด้วยความหวังดี
ขอขอบพระคุณ และ ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย aiatien  วันที่ 18 พ.ย. 2553

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 6    โดย prakaimuk.k  วันที่ 19 พ.ย. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย JANYAPINPARD  วันที่ 19 พ.ย. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย เมตตา  วันที่ 20 พ.ย. 2553

อกุศล แม้เพียงเล็กน้อย ก็ไม่ควรที่จะประมาท เพราะจะสะสมอยู่ในจิตขณะต่อๆ ไป จนมีกำลังที่จะกระทำอกุศลกรรมบถได้

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ...


ความคิดเห็น 9    โดย จักรกฤษณ์  วันที่ 21 พ.ย. 2553

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 10    โดย icenakub  วันที่ 14 ก.ค. 2554

อนุโมทนาครับ :)


ความคิดเห็น 11    โดย เซจาน้อย  วันที่ 26 มิ.ย. 2555

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ


ความคิดเห็น 12    โดย nong  วันที่ 29 ม.ค. 2558

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 13    โดย สิริพรรณ  วันที่ 19 ก.ค. 2558

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 14    โดย ใหญ่ราชบุรี  วันที่ 9 ก.ย. 2558

สาธุ อนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 15    โดย ประสาน  วันที่ 1 มี.ค. 2560

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 16    โดย ประสาน  วันที่ 10 ก.พ. 2561

สิ่งที่ท่านทำ ทำด้วยความหวังดี จริงหรือเปล่า

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านด้วยครับ


ความคิดเห็น 17    โดย chatchai.k  วันที่ 2 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 18    โดย Jarunee.A  วันที่ 10 ก.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ