จุนทสูตร .. การปรินิพพานของพระสารีบุตร
โดย บ้านธัมมะ  9 พ.ย. 2552
หัวข้อหมายเลข 14193

[เล่มที่ 30] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ ๔

๓.จุนทสูตร

ว่าด้วยการปรินิพพานของพระสารีบุตร

[๗๓๓] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้กรุงสาวัตถี. ก็ในสมัยนั้น ท่านพระสารีบุตรอยู่ ณ บ้านนาลกคาม ในแคว้นมคธอาพาธ เป็นไข้หนัก ได้รับทุกขเวทนา สามเณรจุนทะเป็นอุปัฏฐากของท่าน. ครั้งนั้น ท่านพระสารีบุตรปรินิพพานด้วยอาพาธนั่นแหละ.

[๗๓๔] ครั้งนั้น สามเณรจุนทะถือเอาบาตรและจีวรของท่านพระสารีบุตร เข้าไปหาพระอานนท์ยังพระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้กรุงสาวัตถี นมัสการท่านพระอานนท์แล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กล่าวกะท่านพระอานนท์ว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ท่านพระสารีบุตรปรินิพพานแล้วนี้บาตรและจีวรของท่าน. ท่านพระอานนท์กล่าวว่า ดูก่อนอาวุโสจุนทะ นี้เป็นมูลเรื่องที่จะเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า มีอยู่มา ไปกันเถิดเราจักเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วกราบทูลเนื้อความนั้นแด่พระองค์. สามเณรจุนทะรับคำของท่านพระอานนท์แล้ว.

[๗๓๕] ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์กับสามเณรจุนทะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ท่านพระอานนท์ได้กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญสามเณรจุนทะรูปนี้ได้บอกอย่างนี้ว่า ท่านพระสารีบุตรปรินิพพานแล้ว นี้บาตรและจีวรของท่าน ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กายของข้าพระองค์ประหนึ่งจะงอมระงมไป แม้ทิศทั้งหลายก็ไม่ปรากฏแก่ข้าพระองค์ แม้ธรรมก็ไม่แจ่มแจ้งแก่ข้าพระองค์ เพราะได้ฟังว่า ท่านพระสารีบุตรปรินิพพานแล้ว

[๗๓๖] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามว่า ดูก่อนอานนท์ สารีบุตรพาเอาศีลขันธ์ สมาธิขันธ์ ปัญญาขันธ์ วิมุตติขันธ์ หรือวิมุตติญาณทัสสนขันธ์ปรินิพพานไปด้วยหรือ

ท่านพระอานนท์กราบทูลว่า หามิได้ พระเจ้าข้า ท่านพระสารีบุตร มิได้พาศีลขันธ์ปรินิพพานไปด้วย ฯลฯ มิได้พาวิมุตติญาณ-ทัสสนขันธ์ปรินิพพานไปด้วย. ก็แต่ว่าท่านพระสารีบุตรเป็นผู้กล่าวสอนให้รู้ชัดแสดงให้เห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้รื่นเริง ไม่เกียจคร้านในการแสดงธรรม อนุเคราะห์เพื่อนพรหมจารีทั้งหลาย ข้าพระองค์ทั้งหลายมาตามระลึกถึงโอชะแห่งธรรม ธรรมสมบัติและการอนุเคราะห์ด้วยธรรมนั้นของท่านพระสารีบุตร.

[๗๓๗] พ. ดูก่อนอานนท์ ข้อนั้น เราได้บอกเธอทั้งหลายไว้ก่อนแล้วไม่ใช่หรือว่า จักต้องมีความเป็นต่างๆ ความพลัดพรากความเป็นอย่างอื่น. จากของรักของชอบใจทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น จะพึงได้ในของรักชอบใจนี้แต่ที่ไหน. สิ่งใดเกิดแล้ว มีแล้ว ปัจจัยปรุงแต่งแล้ว มีความทำลายเป็นธรรมดา การปรารถนาว่า ขอสิ่งนั้นอย่าทำลายไปเลย ดังนี้ มิใช่ฐานะที่จะมีได้.

[๗๓๘] ดูก่อนอานนท์ เปรียบเหมือนเมื่อต้นไม้ใหญ่ มีแก่นตั้งอยู่ลำต้นใดซึ่งใหญ่กว่า ลำต้นนั้นพึงทำลายลง ฉันใด เมื่อภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ ซึ่งมีแก่น ดำรงอยู่ สารีบุตรปรินิพพานแล้ว ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะฉะนั้น จะพึงได้ในข้อนี้แต่ที่ไหน. สิ่งใดเกิดแล้ว มีแล้วปัจจัยปรุงแต่งแล้ว มีความทำลายเป็นธรรมดา การปรารถนาว่า ขอสิ่งนั้นอย่าทำลายไปเลย ดังนี้ มิใช่ฐานะที่จะมีได้. เพราะฉะนั้นแหละ.เธอทั้งหลายจงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง อย่ามีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่เถิด.

[๗๓๙] ดูก่อนอานนท์ ภิกษุมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่งไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่อย่างไร. ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย. ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ... ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียรมีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย. ดูก่อนอานนท์ ภิกษุมีตนเป็นเกาะ. มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือมีธรรมเป็นเกาะ. มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่อย่างนี้แล.

[๗๔๐] ดูก่อนอานนท์ ก็ภิกษุพวกใดพวกหนึ่ง ในบัดนี้ก็ดีในกาลที่เราล่วงไปก็ดี จักเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่ พวกภิกษุเหล่านี้นั้นที่เป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษา จักเป็นผู้เลิศ.

จบจุนทสูตรที่ ๓



ความคิดเห็น 1    โดย khampan.a  วันที่ 9 พ.ย. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความโดยสรุป

จุนทสูตร

ว่าด้วยการปรินิพพานของพระสารีบุตร

ท่านสามเณรจุนทะ (น้องชายของท่านพระสารีบุตร) แจ้งข่าวการปรินิพพานของท่านพระสารีบุตร ให้กับท่านพระอานนท์ ทราบ ท่านพระอานนท์ จึงนำท่านสามเณรจุนทะ เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า กราบทูลข่าวการปรินิพพานของท่านพระสารีบุตรพร้อมกับแสดงความเป็นไปของตนเอง เมื่อได้ทราบข่าวว่าท่านพระสารีบุตรปรินิพพานแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า คือ กาย เป็นประหนึ่งจะงอมระงมไป ทิศทั้งหลายก็ไม่ปรากฏธรรมก็ไม่แจ่มแจ้ง พระผู้พระภาคเจ้า ได้ตรัสถามให้ได้คิดว่า พระสารีบุตรพาเอาศีลขันธ์ สมาธิขันธ์ปัญญาขันธ์ วิมุตติขันธ์ หรือ วิมุตติญาณทัสสนขันธ์ ปรินิพพานไปด้วยหรือไม่ (คำตอบคือ ไม่ได้พาเอาศีลขันธ์เป็นต้นปรินิพพานไปด้วย) ต่อจากนั้น พระองค์ทรงแสดงสัจจธรรมที่ว่า จักต้องมีความเป็นต่างๆ มีความพลัดพราก มีความเป็นอย่างอื่นจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น และในตอนท้าย พระองค์ทรงแสดงเพื่อให้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่ให้มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง กล่าวคือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง
(สติปัฏฐาน)

ขอเชิญคลิกอ่านข้อความที่เกี่ยวข้องเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นได้ที่นี่ครับ

การเห็นครั้งสุดท้าย..พระสารีบุตรปรินิพพาน [อรรถกถาจุนทสูตร]

พระสารีบุตรน้อมรับคำเตือน [สุสิมสูตร]

สุสิมสูตร .. ใครเล่าที่จะไม่ชอบท่านพระสารีบุตร

วันเพ็ญเดือน ๑๒ น้ำนองเต็มตลิ่ง เราทั้งหลายชายหญิง...นึกถึงอะไรดีครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...


ความคิดเห็น 2    โดย dron  วันที่ 9 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย ที่พึ่งที่ระลึก  วันที่ 10 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 4    โดย pornpaon  วันที่ 11 พ.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย orawan.c  วันที่ 14 พ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย arin  วันที่ 14 พ.ย. 2552

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย chatchai.k  วันที่ 9 ส.ค. 2564

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น