ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๒๕
โดย khampan.a  13 ส.ค. 2566
หัวข้อหมายเลข 46381

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น



ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจาก
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษา และพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๒๕


~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีพระคุณที่ตรัสคำที่คนอื่นไม่สามารถที่จะรู้ได้ด้วยตัวเอง และเมื่อได้ฟังแล้ว ก็จะรู้ได้จริงๆ ว่าเป็นคำที่ลึกซึ้งอย่างยิ่ง มิฉะนั้นแล้ว พระองค์ก็จะไม่ทรงบำเพ็ญพระบารมีนานมากกว่าจะได้รู้ความจริง
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแยกทุกสิ่งทุกอย่างละเอียดอย่างยิ่งสุดที่จะประมาณได้ นี่คือ พระปัญญาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อให้รู้ว่า แท้ที่จริงแล้ว ทั้งหมดที่ว่าเป็นเรา ก็คือ ธรรม ทั้งนามธรรม (สภาพรู้ ธาตุรู้) และรูปธรรม (สภาพธรรมที่ไม่รู้อะไรเลย) หลากหลายมาก นี่คือ ปัญญาความเห็นที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น เข้าใจสิ่งที่กำลังมีเมื่อไหร่ นั่นคือ ปัญญา
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรม ๔๕ พรรษาละเอียดอย่างยิ่งโดยประการทั้งปวง ให้คนฟังได้เริ่มมั่นคงในความจริงว่าไม่รู้ทั้งวันและไม่ใช่เฉพาะวันเดียว แต่ตั้งแต่เกิดมาแล้ว และยังย้อนไปในอดีตแสนโกฏิกัปป์ด้วย ที่ไม่รู้ เพราะฉะนั้น กว่าจะรู้ ประมาทไม่ได้เลย ทั้งหมดที่ฟังก็คือเพื่อเข้าใจความจริงของธรรมว่าไม่ใช่เรา
~ เราเกิดมา ถ้าเราไม่ได้ฟังคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะรู้ไหมว่าอะไรจริง แค่นี้ ถ้าเราเป็นคนที่ไตร่ตรองและเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบ เราก็จะได้สาระมากจากแต่ละคำที่ได้ฟัง โดยไม่ผ่านไป
~ ถ้าเราละเลยที่จะเข้าใจคำสอนของผู้ที่เราเคารพสูงสุดคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ชีวิตของเราก็จะไม่ได้ประโยชน์จากการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมโดยละเอียดตลอด ๔๕ พรรษา เพื่อให้ผู้มีโอกาสได้ฟังได้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง เป็นทางที่จะทำให้ผู้นั้นถึงความเป็นผู้ปลอดภัยจริงๆ คือ สามารถดับกิเลสได้
~ ธรรม ยาก เพราะฉะนั้น ไม่มีตัวตนที่จะไปทำให้ง่าย หรือว่าไม่มีความเป็นตัวตนที่อยากจะได้ผลเร็วๆ แต่เป็นผู้ที่ตรงที่จะต้องสะสมความเข้าใจ ความละเอียด ความลึกซึ้งของธรรมจนกว่าจะเป็นปัญญาของตัวเองที่ค่อยๆ เข้าใจถูกต้องขึ้น
~ ถ้าเป็นอกุศลธรรม มีใครอยากจะมี? แต่ถ้าปัญญาไม่เกิด อกุศลธรรมนั้นๆ ก็ยังเกิดอยู่เรื่อยๆ และทางเดียวที่จะละคลายอกุศลธรรมได้ ก็ต้องเป็นปัญญาที่เจริญขึ้น
~ ถ้าไม่มีโอกาสได้ยินได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในชาตินี้ ต่อๆ ไปก็จะมืดสนิทเหมือนเดิม ซึ่งไม่เคยรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีในขณะนี้เลย
~ ไม่มีเรา แต่มีธรรม ทั้งดีและชั่ว เป็นธรรมทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นความโลภก็เป็นธรรม ความริษยาก็เป็นธรรม เพราะมีจริงๆ เพราะธรรมคือสิ่งที่มีจริง ไม่ว่าอะไรทั้งหมดที่มีจริง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงลักษณะของสิ่งนั้น
~ ไม่ว่าขณะไหน ที่ไหน กาลไหน คงจะไม่มีใครไปบูชาความไม่ดี ใช่ไหม? แต่ว่าความดี เป็นสิ่งที่สมควรอย่างยิ่งที่จะบูชา ความดีมีหลายระดับ เพราะฉะนั้น ยิ่งมีคุณความดีจนถึงระดับที่สามารถรู้ความจริงได้ ไม่ว่าใคร ย่อมเป็นผู้ที่ควรบูชาในคุณที่เป็นความดี
~ ธรรมที่เป็นกุศล ก็เป็นกุศล เป็นอย่างอื่นไม่ได้ ธรรมที่เป็นอกุศล ก็เป็นอกุศล เป็นอย่างอื่นไม่ได้ ธรรมที่ไม่ใช่กุศลและไม่ใช่อกุศล ก็จะเป็นกุศลและอกุศลไม่ได้
~ มั่นคงจริงๆ ไหมว่าธรรมไม่ใช่ใครเลย แต่เป็นสิ่งที่มีจริงที่ใครๆ ก็เปลี่ยนแปลงลักษณะของสิ่งนั้นให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้ โกรธเกิดแล้วเป็นใครหรือเปล่า?
~ บุคคลใดก็ตามที่ได้ทำอกุศลกรรมไว้แล้ว เมื่อถึงกาลที่อกุศลกรรมให้ผล ใครก็ช่วยไม่ได้ มารดาบิดาก็ช่วยไม่ได้ ญาติพี่น้องมิตรสหายก็ช่วยไม่ได้ เมื่อเข้าใจอย่างนี้ ก็จะทำให้เรามีแต่การที่จะคิดเป็นมิตรและก็ช่วยเหลือคนอื่น
~ กล่าวความจริงตามพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง โดยไม่หวัง จึงไม่เดือดร้อน ใครจะเข้าใจผิดหรือกล่าวคำว่าร้ายต่างๆ ก็เป็นเรื่องธรรมดาของความไม่รู้ ใช่ไหม? แต่ไม่เป็นสิ่งที่เราจะต้องไปโกรธเคืองอะไรเลย เพราะเขาไม่รู้ รักษาใจไม่ใช่ใจคนอื่น แต่รักษาใจตัวเอง
~ คนทั้งโลกเห็นผิดเป็นถูก แต่ถ้ารู้ความจริง เราจะตามอย่างนั้นไหม แม้เพียงคนเดียว?
~ คนที่กำลังว่าเรา เขาโกรธ เขาไม่ชอบ ดีไหมที่เป็นอย่างนั้น? เขาไม่ดี ใช่ไหม? เป็นเรื่องของเขาแน่นอน แต่ตรงไหมว่า เขาไม่ดี? ถ้าเราไปโกรธเขา เราก็ไม่ดี เพราะฉะนั้น เมตตามีไหม ไม่ว่าใครทั้งสิ้น เขาฆ่าคนต่อหน้าต่อตาเรา จิตของเราเป็นอย่างไร จิตของพระอรหันต์ เป็นอย่างไร จิตของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอย่างไร แล้วจิตของเราเป็นอย่างไร จิตเป็นจิต เปลี่ยนจิตไม่ได้ ไม่ว่าของใคร ต้องเป็นคนตรงถึงที่สุด
~ เป็นประโยชน์ไหม ถ้าใครผิดแล้วเราบอกเขาให้รู้ว่าเขาผิด? แล้วทำไมเราไม่ทำ ทำไมเราไม่กล้า เรากลัวเขาไม่รักเราอย่างนั้นหรือ? แล้วเราจะมีประโยชน์อะไรต่อเขา เพราะฉะนั้น ใครที่ชี้โทษถ้าเป็นโทษจริงๆ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่ทุกคนควรรู้ด้วย
~ ถึงแม้ว่าจะทำทุจริตใดๆ มา แต่ว่าถ้าฟังพระธรรม มีความเข้าใจ พระมหากรุณาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ช่วยให้เขาทิ้งความเห็นผิดหรือความประพฤติผิดได้



ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๖๒๔


... กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ ...



ความคิดเห็น 1    โดย swanjariya  วันที่ 13 ส.ค. 2566

กราบเท้าท่านอาจารย์ด้วยความเคารพยิ่ง


ความคิดเห็น 2    โดย jaturong  วันที่ 13 ส.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย เมตตา  วันที่ 13 ส.ค. 2566

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

ขอบพระคุณและยินดีในความดีของ อ.คำปั่นด้วยค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย Lai  วันที่ 13 ส.ค. 2566

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์

สุจินต์ บริหารวนเขตต์ กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย เมตตา  วันที่ 13 ส.ค. 2566

กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง

ขอบพระคุณและยินดีในความดีของ อ.คำปั่นด้วยค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย มังกรทอง  วันที่ 13 ส.ค. 2566

สนทนาธรรมเกิดขึ้น กุศลมี ทางสื่อไลน์วิถี เลิศล้ำ อาจารย์สุจินต์ศรี ทางถูก ฟังแห่งความดีค้ำ ซึ่งล้วนปัญญา


ความคิดเห็น 7    โดย มังกรทอง  วันที่ 13 ส.ค. 2566

ขอน้อมกราบอนุโมทนาสาธุ สาธุ สาธุ ขอรับ


ความคิดเห็น 8    โดย Jans  วันที่ 13 ส.ค. 2566

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย ปาริชาตะ  วันที่ 14 ส.ค. 2566

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย nattawan  วันที่ 14 ส.ค. 2566

คนทั้งโลกเห็นผิดเป็นถูก แต่ถ้ารู้ความจริง เราจะตามอย่างนั้นไหม แม้เพียงคนเดียว?

ยินดีในกุศลจิตค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย chatchai.k  วันที่ 5 ก.ย. 2566

กราบเท้าท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

ยินดีในกุศลจิตครับ