รัตนสูตร นั้นเป็นพระพุทธวัจนะโดยแท้ (พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 215) แต่ในส่วนการขยายความที่เป็นการ "พรรณนารัตนสูตร" นั้น ไม่ทราบว่าเป็นอย่างไร ใคร่ขอยกข้อความมา ๒ ส่วนดังนี้
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 226
"พระผู้มีพระภาคเจ้า ประทับ ยืนใกล้ประตูพระนครทรงเรียกท่านพระอานนท์ที่มาส่งว่า ดูก่อนอานนท์ เธอจงเรียนรัตนสูตรนี้ ถือเครื่องประกอบพลีกรรม เที่ยวเดินไประหว่างปราการ ๓ ชั้นแห่งกรุงเวสาลีกับพวกเจ้าลิจฉวีราชกุมาร ทำพระปริตร แล้วได้ตรัสรัตนสูตร."
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 227
" ... ดังนั้น ในวันที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จถึงกรุงเวสาลีนั่นเอง รัตนสูตรนี้ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสใกล้ ประตูกรุงเวสาลี เพื่อกำจัดอุปัทวะเหล่านั้นท่านพระอานนท์ก็เรียนเอา เมื่อจะกล่าวเพื่อเป็นปริตร (ป้องกันอุปัทวะ) จึงเอาบาตรของพระผู้มีพระภาคเจ้าตักน้ำมา เดินประพรมไปทั่วพระนคร."
ด้วยมีชาวพุทธจำนวนหนึ่ง เข้าใจจากในส่วนที่ยกมานี้ว่า มีการทำน้ำมนต์เพื่อปัดเป่าภูตผี จึงใคร่ขอเรียนถามเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องว่า แท้จริงเป็นอย่างไร
ขอขอบพระคุณ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การใช้น้ำ ประพรม ในสมัยพุทธกาล เพื่อให้ประชาชน เกิดสติ มิใช่ เพื่อรักษาโรค ป้องกันอันตราย เพราะ ขณะที่พรมน้ำนั้น ได้มีการแสดงธรรม ให้ ประชาชนเข้าใจด้วย คือ แสดงรัตนสูตร ชาวเมืองเกิด กุศลจิตที่ได้ฟัง ได้เข้าใจ และ เกิด การรู้ตัวที่ได้โดนน้ำประพรม ให้เกิด รู้ตัวที่จะฟังธรรมไปในขณะนั้น กุศลจิตของตนเองที่เกิดนั่นแหละเป็นเครื่องป้องกันอันตรายในขณะนั้นครับ ซึ่งพระพุทธเจ้า ทรงติเตียน การทำน้ำมนต์
พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย สีลขันธวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 318
(๑๒๐) ๗. ภิกษุเว้นขาดจากการเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชา เช่น อย่างที่สมณพราหมณ์ผู้เจริญบางจำพวก ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ยังเลี้ยงชีพโดยทางผิดด้วยติรัจฉานวิชาเห็นปานนี้ คือ ทำพิธีบนบาน ทำพิธีแก้บน ร่ายมนต์ขับผี สอนมนต์ป้องกันบ้านเรือน ทำกะเทยให้กลับเป็นชาย ทำชายให้กลายเป็นกะเทย ทำพิธีปลูกเรือน ทำพิธีบวงสรวงพื้นที่ พ่นน้ำมนต์ รดน้ำมนต์ ทำพิธีบูชาไฟ ปรุงยา ...
คำบรรยายท่านอาจารย์สุจินต์ ดังนี้
เพราะฉะนั้นเรื่องของสีลัพพตปรามาส เป็นเรื่องที่ต้องเป็นปัญญาที่รู้ลักษณะของสภาพธรรม ต้องพิจารณาในเหตุผล ต้องเข้าใจตามความเป็นจริง ไม่ใช่เพียงแต่ฟังตาม เชื่อตาม หรือประพฤติปฏิบัติตาม อย่างท่านพระอานนท์ในรัตนสูตร ท่านเป็นพระโสดาบัน ท่านไม่มีสีลัพพตปรามาส ท่านผู้ฟังคิดว่าท่านพรมน้ำมนต์ ใช่ไหมคะ ในรัตนสูตร แต่ขอให้พิจารณา ท่านพระอานนท์เถระเป็นเอตทัคคะถึง ๕ สถาน และท่านเป็นพระโสดาบันบุคคลในขณะนั้น ท่านดับมิจฉาทิฏฐิ ละ สีลัพพตปรามาสหมดไม่มีเหลือเลย แต่เมื่อดูภายนอกท่านผู้ฟังก็อาจจะถือว่า เป็นต้นเหตุของการประพรมน้ำมนต์ แต่ความจริงท่านพระอานนท์ไม่มีสีลัพพตปรามาส การที่จะเตือนให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดระลึกถึงพระคุณของพระรัตนตรัยในโอกาสต่างๆ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เตือนให้ระลึกถึงพระธรรม เพราะที่พึ่งที่แท้จริงสำหรับทุกชีวิตคือความเข้าใจพระธรรม ไม่ว่าจะยามทุกข์ยามโศก ยามเดือดร้อนสักเพียงใดก็ตาม ความเข้าใจพระธรรมเป็นที่พึ่งได้เสมอ และความเข้าใจจะมาจากไหน ก็ต้องเป็นผู้ที่ได้ฟังพระธรรมศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ครับ
... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ ...
การประพรมน้ำมนต์นั้นท่านเตือนสติให้ตั้งใจฟังธรรม ขณะที่ตั้งใจฟังธรรมขณะนั้นกุศลเกิด ทำให้หายจากโรค จากภัยอันตราย ค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ.
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาขอบพระคุณผู้ถาม ท่านวิทยากร และทุกท่าน ด้วยค่ะ
การศีกษาพระธรรมจึงต้องเป็นผู้ละเอียดในการอ่าน ฟัง สนทนา สอบถาม และไตร่ตรองและที่สำคัญคือเป็นผู้ตรงว่ายังไม่รู้โดยละเอียด จึงจะได้สาระจากพระธรรม การฟังพระธรรมที่ถ่ายทอดจากผู้ศึกษาโดยละเอียดจึงมีแต่คุณประโยชน์โดยแท้
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
เมื่อได้ฟังพระธรรม และเข้าใจในพระธรรมนั้น ก็เป็นการพ้นจากทุกขภัย ไม่ว่าในภพนี้หรือภพหน้า
กราบอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน
ขอเชิญอ่านพระสูตร ...
รัตนสูตร ว่าด้วยรัตนอันประณีต
ขอเชิญรับฟังจากซีดี...
รัตนสูตร
เนื้อหาโดยย่อ มีดังนี้ - อรรถ ความหมาย รัตนะ - คุณของพระรัตนตรัย - เครื่องใช้สอยของผู้ไม่ต่ำทราม - เปรียบพระรัตนตรัยโดยนัยต่างๆ
รัตนสูตร ๑
รัตนสูตร ๒
รัตนสูตร ๓
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ