บารมีทั้ง 10 เราปรารถนาสาวกภูมิก้อต้องสร้างใช่ไหมครับ แล้วควรเริ่มจากตรงไหนก่อน อะครับ ทาน และคำว่าสร้างบารมี กับทำบุญทำกุศลต่างกันไหมครับ ขอคำชี้แนะด้วยครับ
ขอบคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บารมี โดยความหมาย คือ ธรรมที่ทำให้ถึงฝั่ง แสดงว่า มีสองฝั่ง ฝั่งนี้ที่เราอยู่ คือ ฝั่งของกิเลส หรือ ฝั่งของสภาพธรรมที่เป็น ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ ฝั่งของสังสารวัฏฏ์ ที่มีการเวียนว่ายตายเกิด แต่มีอีกฝั่งหนึ่ง คือ ฝั่งที่ไม่มีกิเลส ฝั่งที่ไม่มีการเกิดขึ้นของสภาพธรรมที่ทำให้ทุกข์ ฝั่งที่ไม่การเวียนว่ายตายเกิด และไม่มีการเกิดขึ้นของสภาพธรรมเลย อันเป็นฝั่งที่เกษม คือ พระนิพพาน เป็นอีกฝั่งหนึ่ง ดังนั้น บารมี คือ ธรรมที่เป็นคุณธรรมที่ทำให้ถึงฝั่ง คือ พระนิพพาน บารมีจึงเปรียบเหมือนเรือที่พาไปถึงฝั่งได้ แต่ฝั่งตรงข้ามนั้น มหาสมุทร ทะเลกว้างใหญ่ และภัยในมหาสมุทรก็มีมากมาย ทั้งน้ำวน สัตว์ร้าย ลมทะเล พายุ นั่นก็คือ หมู่กิเลสต่างๆ ที่เป็นภัยของการข้ามฝั่ง นั่นเองครับ
บารมี มีความหมายดังนี้ครับ
๑. บารมี หมายถึง คุณธรรมที่ทำให้ถึงฝั่ง คือ พระนิพพาน บารมีย่อมผูกย่อมประกอบ สัตว์ทั้งหลายไว้ในพระนิพพานนั้น. หรือ บารมีย่อมไป ย่อมถึง ย่อมบรรลุถึงพระนิพพาน
๒. คุณธรรม ๑๐ ประการ ที่พระโพธิสัตว์บำเพ็ญ ชื่อว่า บารมี นั่นคือ ทาน ศีล เนกขัมมะ ปัญญา วิริยะ ขันติ สัจจะ อธิษฐาน เมตตา อุเบกขา ๑๐ ประการนี้ ที่พระองค์ทรงกระทำ ชื่อว่า บารมี
๓. บารมี คือ ธรรมที่ขัดเกลาสัตว์อื่นให้หมดจดจากมลทินคือกิเลส
จะเห็นได้ว่า บารมี เป็นคุณธรรมที่ทำให้ถึงการดับกิเลสและพระนิพพาน จึงเป็นเรื่องยากยิ่งในการเจริญบารมี เพราะเป็นเรื่องของการทวนกระแสของกิเลสที่สะสมมามาก และ เป็นเรื่องการเจริญอบรมคุณธรรมอย่างยาวนาน นั่นเองครับ
การจะเป็นบารมีได้นั้น จะต้องเป็นเรื่องของปัญญาที่มีความเห็นถูก ที่เห็นโทษของกิเลส เห็นโทษของสังสารวัฏฏ์ จึงมีปัญญาความเห็นถูก ที่จะเจริญกุศลประการต่างๆ อันเป็นไปเพื่อละกิเลสและถึงการไม่เกิดอีก กุศลที่เจริญนั้นจึงจะเป็นบารมี ถ้าไม่มีปัญญาความเห็นถูก กุศลที่เจริญจะเป็นบารมีไม่ได้เลย เพราะไม่เป็นไปเพื่อถึงฝั่งคือการดับกิเลสครับ ดังนั้น ปัญญาจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่แสดงถึงความเป็นบารมี ครับ
ส่วนคำถามที่ว่า ควรเริ่มจากตรงไหนก่อน ทาน ก่อนหรือ เปล่า
ในความเป็นจริง การเจริญกุศล อบรมบารมีประการต่างๆ ก็ควบคู่กันไป โดยมีแกนหลัก คือ ปัญญาความเข้าใจพระธรรมเป็นสำคัญ ซึ่งก็แล้วแต่โอกาส และ แต่ละสถานการณ์ เหตุปัจจัย กุศลขั้นไหน บารมีข้อใดจะเกิดก็อบรมข้อนั้น ณ เวลานั้น โดยไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเรียงตามลำดับ เพียงแต่อาศัยปัญญา ความเข้าใจ เป็นธรรมที่ทำหน้าที่ในการเจริญบารมี กุศลประการต่างๆ ครับ
ส่วนคำถามที่ว่า การทำกุศล กับการสร้างบารมีเหมือนกันไหม
ความจริงก็เหมือนกัน เพราะ บารมี ก็คือ สภาพธรรมที่ดีที่เป็นกุศลประการต่างๆ นั่นเอง แตกต่างกันตรงที่ว่า ถ้าเป็นบารมีจะต้องมีปัญญาด้วย ที่เข้าใจหนทางการดับกิเลส และ เจริญกุศลเพื่อดับกิเลส ส่วนการเจริญกุศลประการต่างๆ ที่ไม่ใช่เพื่อดับกิเลส ไม่จัดเป็นบารมี ครับ
ขออนุโมทนา
เชิญคลิกอ่านที่นี่ ครับ
การสร้างบุญบารมี
ขออนุโมทนา
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บารมีไม่พ้นไปจากกุศล (ความดี) ประการต่างๆ เลย เป็นความจริงที่ว่าควรอย่างยิ่งที่จะเจริญกุศล ทำความดี ทุกทาง ทุกโอกาส เท่าที่จะเป็นไปได้ตามกำลังของตนเอง เพราะเมื่อเป็นโอกาสของกุศลแล้ว ไม่ทำกุศล โอกาสของกุศลก็จะหมดไป ซึ่งน่าเสียดายมาก โอกาสที่จะได้เจริญกุศล โอกาสที่จะได้ทำความดีนั้น เป็นโอกาสที่หาได้ยาก เมื่อเทียบกับการเป็นอกุศลแล้วเทียบไม่ได้เลย เพราะในวันหนึ่งๆ สำหรับบุคคลผู้ที่เป็นปุถุชน ยังมีกิเลสอยู่นั้น ย่อมมีอกุศลมากกว่ากุศล
เพราะฉะนั้น เมื่อมีโอกาสที่จะเจริญกุศลไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม ทั้งการสละวัตถุสิ่ง ของเพื่อประโยชน์สุขแก่บุคคลอื่น มีการช่วยเหลือเกื้อกูล ประพฤติในสิ่งที่เป็นประโยชน์ แก่ผู้อื่น รวมถึงการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูก ไปตามลำดับ เป็นต้น ก็ไม่ควรปล่อยโอกาสนั้นให้ผ่านพ้นไป นั่นเป็นช่วงเวลาที่ดี ในชีวิตจริงๆ เพราะถ้ากุศลไม่เกิด อกุศลย่อมจะเกิดแทน จึงเป็นเรื่องที่ควรแก่การ พิจารณาเป็นอย่างยิ่ง นี้แหละ คือ การสะสมความดี ซึ่งเป็นบารมีประการต่างๆ ในชีวิต ประจำวันซึ่งจะขาดปัญญาความเข้าใจถูกเห็นถูกไม่ได้เลย ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
กุศลเป็นไปในวัฏฎะก็ได้ หรือ ออกจากวัฏฏะก็ได้ แต่ถ้าเป็นบารมี การเจริญกุศลที่เป็นความดีเพื่อถึงฝั่งพระนิพพาน ค่ะ
ขอบคุณท่านผู้รู้และขอโมทนาบุญที่ทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้นครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ