คนส่วนใหญ่รวมทั้งผมด้วย จะเข้าใจคลาดเคลื่อนว่า ศึกษาธรรมเพื่อเราจะได้โกรธน้อยลง การที่จะโกรธมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับขณะนั้นมีเหตุปัจจัยพอหรือไม่ เพราะปุถุชนยังมีกิเลส นอนเนื่องอยู่ในจิต (อนุสัย) พร้อมที่จะปรากฏขึ้นเมื่อมีเหตุมีปัจจัยที่จะให้สภาพธรรมนั้น เช่น โทสะเกิดขึ้นได้เสมอ ดังนั้นการศึกษาธรรมที่ถูกคือ เพื่อให้รู้ว่าสภาพธรรมไม่ใช่เรา ไม่ใช่เราที่โกรธ ขณะที่โกรธเกิดขึ้นก็เป็นเพียงสภาพธรรมอย่างหนึ่งเพราะมีเหตุปัจจัยจึงเกิด แล้วก็ดับไปไม่มีใครที่โกรธอยู่ได้ทั้งวัน จริงไหมครับ
จริงค่ะ กระทู้ตรงประเด็นดีค่ะ อนุโมทนานะคะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ในสมัยเด็กเมื่อเพิ่งเริ่มเรียนหนังสือ อ่านเป็นประโยคได้ทันทีไหม หรือว่าจะต้องฝึกอ่าน ก.ไก่ ก่อนแล้วก็เรียนตัวอื่น จนสามารถผสมเป็นคำ จากคำจึงเป็นประโยค เป็นไปตามลำดับถูกไหม การศึกษาธรรมและการอบรมปัญญาก็เช่นกันต้องเป็นไปตามลำดับ ฟังให้เข้าใจก่อน ปัญญาขั้นการฟังดับกิเลสอะไรไม่ได้ แต่เริ่มรู้ความจริงมากขึ้นในสิ่งต่างๆ ที่ไม่เคยได้ยินมา ละความเห็นผิดว่าเป็นสัตว์บุคคลตัวตนก่อน ถึงจะดับโทสะได้ พระโสดาบันยังโกรธแต่ท่านไม่เห็นผิดว่าเป็นเราเป็นสัตว์บุคคล พระอนาคามีดับโทสะได้ ดังนั้นการศึกษาจึงต้องเป็นไปตามลำดับ ต้องรู้ว่าปัญญาขั้นแรกรู้อะไร ไม่ใช่ไปดับโทสะแต่เข้าใจโทสะว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ขออนุโมทนาครับ ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ถ้าค่อยๆ ละความเห็นผิดว่า มีตัวตน สัตว์ บุคคล ได้เมื่อไรเมื่อนั้น โลภะ โทสะ ก็คง
จะคลายลงตามลำดับ
ถ้าเกิดความเห็นถูก (แม้เพียงการคิด) ว่าเป็นธรรมะจริงๆ เพียงชั่วขณะก็จะทำให้รู้ว่า ธรรมะที่เกิดขึ้นก็กระทำกิจของธรรมะนั้นๆ ดับไปแล้ว จบไปแล้วแล้วจะโกรธอะไร จะโกรธทำไม ใครกำลังโกรธ และโกรธใครบัณฑิตแม้ไม่ลืมเรื่องที่เคยโกรธ แต่ไม่ผูกโกรธ และให้อภัยได้เพราะรู้จักบรรเทาความโกรธที่เกิดด้วย "ปัญญา"
...อนุโมทนาครับ...
เพราะฉะนั้นการศึกษาธรรมะจริงๆ จุดประสงค์เพื่อขัดเกลากิเลส เพื่อละอกุศลจริงๆ และที่สำคัญเพื่ออบรมปัญญาเป็นคนดียิ่งๆ ขึ้นค่ะ
สาธุ
ขอเชิญฟัง... ไม่สามารถได้สติด้วยความอยาก ต้องอบรม. ขออนุโมทนา.