[เล่มที่ 33] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 142
อรรถกถาสูตรที่ ๘
ประวัตินางกาติยานี
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 33]
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 142
อรรถกถาสูตรที่ ๘
๘. ประวัตินางกาติยานี
ในสูตรที่ ๘ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
ด้วยบทว่า อเวจฺจปฺปสนฺนานํ ท่านแสดงว่า นางกาติยานี เป็นเลิศกว่าพวกอุบาสิกาผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้นที่ตนบรรลุแล้ว.
ดังได้สดับมา นางกาติยานีนั้น ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ บังเกิดในเรือนสกุล กรุงหังสวดี เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาอุบาสิกาผู้หนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกอุบาสิกาผู้เลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้น จึงทำกุศลให้ยิ่งยวดขึ้นไป ปรารถนาตำแหน่งนั้น นางเวียนว่ายอยู่ในเทวดาและมนุษย์ถึงแสนกัป ในพุทธุปบาทกาลนี้ บังเกิดในกุรรฆรนคร. บิดามารดาตั้งชื่อนางว่า กาติยานี.
ต่อมา นางเจริญวัย เป็นสหายเป็นมิตรสนิทของนางกาฬีชาวกุรรฆรนคร ก็เมื่อใด ท่านพระโกฏิกัณณโสณเถระถูกมารดาวอนขอว่า ท่านจงกล่าวธรรมแม้แก่โยมแม่ โดยทำนองที่พระทศพลตรัสไว้เถิด ก็นั่งเหนืออาสนะที่ตกแต่งแล้วภายในนคร ตอนเที่ยงคืนเริ่มเทศนา ทำมารดาให้เป็นพระอริยกายสักขี (๑) . เมื่อนั้น นางกาติยานีอุบาสิกานี้ไปกับนางกาฬี ยืนฟังธรรมท้ายบริษัท. สมัยนั้น โจรประมาณ ๙๐๐ คน ขุดอุโมงค์เริ่มแต่มุมหนึ่งภายในนคร ตามกำหนดหมายที่ทำไว้ในเวลากลางวันไปทะลุถึงเรือนนางกาติยานีอุบาสิกานี้. บรรดาโจรเหล่านั้น หัวหน้าโจรไม่เข้าไปกับโจรเหล่านั้น ไปยังสถานที่กล่าวธรรมของท่านพระโสณเถระ เพื่อสืบสวนว่า บริษัทนี้ประชุมกันทำไมหนอ เมื่อยืนท้ายบริษัท ก็ยืนข้างหลัง
(๑) พระโสดาปัตติผลถึงพระอรหัตมรรคบุคคล ชื่อว่าพระอริยกายสักขี ปุคคลบัญญัติ หน้า ๔๒.
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 143
นางกาติยานีอุบาสิกานี้. เวลานั้น นางกาติยานีเรียกทาสีมาสั่งว่า แม่ นี่เจ้าจงเข้าไปเรือนนำประทีปน้ำมันมา ข้าจักจุดประทีปให้ไฟสว่างแล้วฟังธรรม. ทาสีนั้นไปเรือน จุดประทีป พบพวกโจรขุดอุโมงค์ ก็ไม่ถือเอาประทีปน้ำมันมา ไปบอกแม่นายของตนว่า แม่นาย พวกโจรขุดอุโมงค์ในเรือนเจ้าค่ะ. หัวหน้าโจรฟังคำทาสีนั้นแล้วคิดว่า ถ้าหญิงผู้นี้เชื่อคำทาสีนี้ แล้วไปเรือนไซร้ เราก็จักเอาดาบฟันนางให้ขาดสองท่อนในที่นี้นี่แหละ ก็ถ้าหญิงผู้นี้จักฟังธรรมโดยนิมิตที่นางถือเอาแล้วนั่นแล เราก็จักให้คืนทรัพย์ที่พวกโจรยึดถือไว้. ฝ่ายนางกาติยานีฟังคำทาสีแล้วก็กล่าวว่า แม่คุณ อย่าทำเสียงดังเลย ขึ้นชื่อว่าพวกโจร เมื่อจะลัก ก็ลักแต่ทรัพย์ที่ตนเห็นเท่านั้นดอก ส่วนข้าจะฟังธรรมที่หาได้ยากในวันนี้ เจ้าอย่าทำอันตรายแก่ธรรมเลย. หัวหน้าโจรฟังคำนางก็คิดว่า พวกเราซึ่งพากันลักทรัพย์สิ่งของในเรือนของหญิงที่มั่นคงด้วยอัธยาศัยเช่นนี้ ก็พึงถูกธรณีสูบแน่. ทันใดนั่นเอง หัวหน้าโจรนั้นก็ไปสั่งให้คืนทรัพย์สิ่งของที่ลักมาเสีย แล้วพวกโจรก็พร้อมกันมายืนฟังธรรมท้ายบริษัท. ฝ่ายนางกาติยานีอุบาสิกา จบเทศนาของพระเถระ ก็ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล. ขณะนั้น เมื่ออรุณขึ้น หัวหน้าโจรก็ไปหมอบแทบเท้าอุบาสิกากล่าวว่า แม่เจ้า โปรดยกโทษให้แก่พวกข้าทั้งหมดด้วยเถิด. นางถามว่า ก็พวกท่านทำอะไรแก่ฉันไว้หรือ. หัวหน้าโจรนั้นก็บอกโทษที่ตนทำทั้งหมด. นางกล่าวว่า พ่อเอ๋ย ฉันยกโทษให้พวกท่านจ้ะ. หัวหน้าโจรกล่าวว่า แม่เจ้า ก็เป็นอันแม่เจ้ายกโทษให้แก่พวกเราแล้ว แต่ขอแม่เจ้าโปรดให้พวกเราทุกคนได้บวชในสำนักพระเถระบุตรของแม่เจ้าด้วยเถิด. นางก็พาโจรเหล่านั้นทั้งหมดไปให้บวชในสำนักพระโกฏิกัณณโสณเถระ. คนเหล่านั้น บวชในสำนักพระเถระ
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย เอกนิบาต-ทุกนิบาต เล่ม ๑ ภาคที่ ๒ - หน้า 144
แล้ว ก็บรรลุพระอรหัตหมดทุกรูป. เรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างนี้. ต่อมาภายหลัง พระศาสดาประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร เมื่อทรงสถาปนาพวกอุบาสิกาไว้ในตำแหน่งต่างๆ จึงทรงสถาปนานางกาติยานีอุบาสิกาไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกอุบาสิกาอริยสาวิกา ผู้เลื่อมใสอย่างแน่นแฟ้น แล.
จบอรรถกถาสูตรที่ ๘