วิปัสสนากับ วิปัสสนากรรมฐานในพระไตรปิฎกแท้จริงแล้วหมายถึงอะไรกันแน่ครับ ขอผู้ช่วยตอบหน่อยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ก็ต้องเข้าใจในแต่ละคำ ทั้งคำว่า วิปัสสนา กับ วิปัสสนากรรมฐาน
วิปัสสนา เป็นปัญญา ที่เห็นแจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริงตามลำดับขั้น จากขั้นต้น คือ การอบรมสติปัฏฐาน เป็นการเจริญวิปัสสนาเพื่อเห็นแจ้งลักษณะของนามธรรม และรูปธรรม จนสติปัฏฐานถึงความสมบูรณ์ วิปัสสนาญานซึ่งเป็นปัญญาที่เกิดขึ้น พร้อมกับมหากุศลจิตญาณสัมปยุตต์ จึงเกิดขึ้นเห็นสภาพธรรมอย่างวิเศษ คือ ประจักษ์แจ้งไตรลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม วิปัสสนาญาณจะเกิดขึ้นเป็นไป ตามลำดับขั้นของปัญญาที่เจริญยิ่งขึ้น ตั้งแต่วิปัสสนาญาณที่ ๑ (นามรูปปริจเฉท ญาณ) จนถึงวิปัสสนาญาณที่ ๑๒ (อนุโลมญาณ) จะมีสังขารคือนามธรรมและรูปธรรมเป็นอารมณ์วิปัสสนาญาณที่ ๑๓ (โคตรภูญาณ) วิปัสสนาญาณที่ ๑๔ (มรรคญาณ) วิปัสสนาญาณที่ ๑๕ (ผลญาณ) มีวิสังขารคือพระนิพพานเป็น อารมณ์ วิปัสสนาญาณที่ ๑๖ (ปัจจเวกขณญาณ) มีมรรคจิต ผลจิต พระนิพพาน กิเลสที่ละแล้ว และกิเลสที่เหลืออยู่ เป็นอารมณ์
ซึ่งการที่จะเป็นวิปัสสนา ได้นั้น ต้องมีรากฐานที่สำคัญมั่นคงจากการได้ฟังเรื่องของสิ่งที่มีจริงๆ ค่อยๆ สะสมความเข้าใจไปตามลำดับ
วิปัสสนากรรมฐาน โดยความหมาย คือ ที่ตั้งแห่งการกระทำของวิปัสสนา ซึ่งก็คือการอบรมเจริญปัญญา ที่รู้ความจริงของสภาพธรรมในขณะนี้ ที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา มีสิ่งที่สติและปัญญาระลึกรู้ ซึ่งก็คือ สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ ดังนั้น วิปัสสนากรรมฐาน ก็การอบรมเจริญปัญญาเพื่อรู้แจ้งอริยสัจจธรรมตามความเป็นจริง ดับกิเลสตามลำดับ เพื่อดับกิเลสทั้งหมดไม่ต้องเกิดอีกเลย ซึ่งก็คือ การเจริญสติปัฏฐาน หรือ อบรมอริยมรรคมีองค์แปด เพราะเป็นหนทางที่เป็นไปเพื่อการดับกิเลส ที่จะถึงวิปัสสนาญาณขั้นต่างๆ ก็ต้องมาจากการอบรมเจริญวิปัสสนากรรมฐาน ครับ
ขอเชิญอ่านคำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
เพิ่มเติม ดังนี้
"พระพุทธศาสนา" เป็นคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงแสดงธรรมที่พระองค์ทรงตรัสรู้ เพื่อให้บุคคลอื่นได้เข้าใจถูกต้องตรงตามความเป็นจริง เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงตรัสรู้ หมายความว่า ควรรู้ หรือ เข้าใจตั้งแต่ต้น ว่า
พระพุทธศาสนาเป็นคำสอนของใคร? ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสอนเรื่องอะไร? ทรงสอน เรื่องความจริง หรือ สัจจธรรม ที่สามารถรู้ตามจนถึงประจักษ์แจ้งความจริง และ ดับความไม่รู้ ดับกิเลสได้ตามลำดับขั้นของปัญญา เพราะฉะนั้น พระพุทธศาสนา จึงเป็นเรื่องของปัญญา ทั้งหมด
คำสอนในพระพุทธศาสนา ทั้งหมด ไม่ได้มีคำแนะนำให้ "ทำ"
แต่เป็นเรื่องของบุคคล ผู้ศึกษานั้นเอง ที่ควรเข้าใจตั้งแต่ต้นว่า ตนเองได้รู้จักพระพุทธศาสนาแล้วหรือยัง ว่า คำสอนของพระพุทธเจ้า ทรงสอนให้ เข้าใจสัจจธรรม ไม่ใช่สอนให้ทำ โดยที่ไม่เข้าใจอะไรเลย ทรงสอนให้เข้าใจว่า ขณะนี้มีสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ซึ่งตั้งแต่เกิดจนตาย ก็เกิดดับสืบต่อตลอดเวลาไม่ขาดสาย แต่ไม่เคยรู้จักสภาพธรรมนั้นๆ ตามความเป็นจริง ว่า สภาพธรรมที่กำลังปรากฏนั้น คือ อะไร และ มีการยึดถือสภาพธรรมเหล่านั้น ว่าเป็น ตัวตน ซึ่งหากจะเข้าใจจริงๆ ว่า ขณะไหนเป็นเรา เป็นตัวตน ก็คือ เมื่อได้ฟังพระธรรมคำสอนของพระองค์ เมื่อได้ฟังแล้วเกิดความเข้าใจ ก็จะทราบตามความเป็นจริง ว่า ไม่มีสิ่งที่เคยยึดถือ ว่า เป็นตัวตน เป็นเรา เป็นสัตว์ บุคคล มีแต่สภาพธรรมที่เกิดดับสืบต่อ ตามเหตุ ตามปัจจัย ซึ่งหมายถึงสภาพธรรมที่มีจริงๆ แต่ละขณะเท่านั้น
...ยินดีในกุศลของทุกๆ ท่านครับ...
สนทนาธรรมเกิดขึ้น กุศลมี ทางสื่อไลน์เปรมปรีดิ์ เลิศล้ำ อาจารย์สุจินต์นำวิถี ทางถูก ฟังแห่งความจริงค้ำ เด่นด้วยปัญญา
ขออนุโมทนาครับ