มีข้อสงสัยจากผู้ที่ได้มาถามกระผมครับ
1. เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าพระไตรปิฏก เป็นคำสอนที่ไม่ผิดเพี้ยน หรือมีการเติมแต่ง นอกเหนือจากคำสอน?
2. พระไตรปิฎกครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อไหร่และจะแน่ใจอย่างไรว่าเนื้อหาถูกบันทึกได้ทั้งหมด ไม่ผิดเพี้ยน
และแน่ใจว่าเป็นคำสอนที่ถูกต้อง ไม่ใช่ว่าชื่อว่าพระไตรปิฎกแล้วก็ต้องเชื่อหรือปฏิบัติ ตามเสียทุกเรื่อง?
ขออนุโมทนาในคำตอบและขอบพระคุณมาล่วงหน้าครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระไตรปิฎก เป็นพระธรรมคำสอนที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง และ สืบทอดกันมา โดยพระสาวกทั้งหลาย จนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงนั้น พระพุทธเจ้าก็ทรงแสดงว่า อย่าเชื่อเพียงเพราะได้ฟังตามๆ กันมา เป็นต้น นั่นแสดง ว่า อย่าเชื่อ หรือ ปฏิเสธทันที เมื่อได้ยินคำอะไรก็ตาม แต่ จะต้องศึกษา ในสิ่งนั้น ด้วยตนเอง ก็จะรู้ด้วยปัญญาของตนเองว่า จริงเท็จ หรือไม่อย่างไร
ที่สำคัญความสงสัยจะหมดไปไม่ได้เลยในคำสอนของพระพุทธเจ้าที่ว่า พระไตรปิฎก มีจริงหรือไม่ ครบถ้วนหรือไม่ และ ถูกต้องหรือไม่ หากผู้นั้นไม่ได้ศึกษา พระธรรมด้วย ตนเองเสียก่อน เมื่อไม่ศึกษา ก็ย่อมสงสัยเป็นธรรมดา แต่หากได้ศึกษาพระธรรมแล้ว เมื่อปัญญาเจริญขึ้น ย่อมเห็นตามความเป็นจริงว่า พระธรรมของพระพุทธเจ้า เป็น จริงอย่างไร และ ละคลายความสงสัยในพระธรรม เพราะได้ศึกษาพระธรรม และ ปัญญาเกิดแล้วนั่นเอง ครับ
เชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่นี่
มีชาวพุทธบางส่วนกล่าวว่าพระไตรปิฎกไม่ใช่พุทธพจน์ 100%
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การที่จะเป็นผู้มีความเข้าใจถูกเห็นถูกตรงตามความเป็นจิรงของธรรม ก็ต้องมาจาก การได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ความละเอียดของ พระธรรม ต้องหาจากคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว ทรงแสดงธรรมเกื้อกูลแก่สัตว์โลก ซึ่งสืบทอดมาจนถึงปัจจุบันนี้ จากการได้เห็น ประโยชน์ของพระธรรมของพระอริยเจ้าทั้งหลายที่ดำรงรักษาไว้ซึ่งพระธรรมคำสอน เพื่อประโยชน์แก่ชนรุ่นหลังๆ พระธรรมเป็นเรื่องยาก จึงต้องค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษา ไตร่ตรองในเหตุในผล ของธรรม ไปตามลำดับ เข้าใจตามกำลังปัญญาของตนเอง แค่ไหนก็แค่นั้น ขอเพียง มีความจริงใจที่จะศึกษา เพราะธรรมที่พระองค์ทรงแสดง เป็นวาจาสัจจ เป็นคำจริง ทุกคำ และที่สำคัญทุกคำในพระไตรปิฎก เป็นไปเพื่อปัญญา เป็นเรื่องของปัญญา โดยตลอด ซึ่งผู้ศึกษาจะต้องเป็นผู้ตรงต่อตนเอง ว่าศึกษาเพื่ออะไร เพื่อความเข้าใจ ถูกเห็นถูก เพื่อขัดเกลากิเลส เพื่อละคลายความไม่รู้ ละคลายความเห็นผิด เป็นต้น ซึ่งเป็นกิเลสที่แต่ละคนสะสมมาอย่างยาวนานในสังสารวัฏฏ์ ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น เลย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาค่ะ
คำสอนของพระพุทธเจ้าเป็นหนึ่งไม่เป็นสอง ไม่มีใครแสดงได้ พระไตรปิฎกหรือพระธรรม คำสอนเป็นตัวแทนของพระองค์ ส่วนผู้ที่นำพระไตรปิฎกมาแสดง ก็เปรียบเหมือนผู้อ่าน สาน์ส พระราชาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอเชิญอ่านเพิ่มเติม...
พระไตรปิฎก ๙๑ เล่ม
การค้นหาข้อมูลจากพระไตรปิฎก