อ.สุจินต์ : การทุกคนที่จะได้เงิน สำหรับคฤหัสถ์ ก็ทำมาหากิน ทำงาน ใช่ไหม? แต่พระภิกษุ ได้เงินจากอะไร? ไม่ต้องทำอะไรเลย สวดศพ เอ่ยคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ธรรมทานเลย เพราะเหตุว่า ไม่ได้ให้ความรู้ ความเข้าใจ ก็แค่อาศัยคำนั้น มิจฉาชีพ ไม่ใช่ "อาชีวปาริสุทธิศีล"
เพราะฉะนั้น ก็แสดงชัดเจนว่า ในพระธรรมวินัย ทรงแสดงการขัดเกลาอย่างยิ่งของพระภิกษุทุกประการ แสดงให้เห็นว่า ตั้งแต่ตื่นจนหลับ ภิกษุมีหน้าที่ศึกษาพระธรรม ขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต แต่ถ้านอกเหนือจากนั้น ได้มาโดยไม่บริสุทธิ์เป็น มิจฉาอาชีวะ
พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค-ทุติยภาค เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ 940
พระบัญญัติ
๓๗. อนึ่ง ภิกษุใด รับ ก็ดี ให้รับ ก็ดี ซึ่งทอง เงิน หรือ ยินดีทอง เงิน อันเขาเก็บไว้ให้ เป็นนิสสัคคิยปาจิตตีย์.
[เล่มที่ 29] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๒ - หน้าที่ 212
มณิจูฬกสูตร
“ทองและเงินไม่ควรแก่สมณศากยบุตร สมณศากยบุตรย่อมไม่ยินดีทองและเงิน สมณศากยบุตร ห้ามแก้วและทอง ปราศจากทองและเงิน ... เรามิได้กล่าวว่า สมณศากยบุตรพึงยินดี พึงแสวงหาทองและเงินโดยปริยายอะไรเลย”
[เล่มที่ 2] พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ปฐมภาค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ 616
มหาโจรในพระศาสนามี ๕ จําพวก
...พึงทราบเนื้อความแห่งพระคาถานั้นว่า ถ้าบุคคลผู้ทุศีล ไม่สำรวม ตั้งอยู่ในมิจฉาจาร เป็นผู้ลวงโลกด้วยกิริยาหลอกลวงนี้ พึงบริโภค คือ พึงกลืนกินก้อนเหล็กแดงดังเปลวไฟ, การที่ผู้ทุศีลพึงฉันก้อนข้าวของชาวแว่นแคว้นนี้ ๑ การที่บุคคลพึงกินก้อนเหล็กแดงนี้ ๑ ใน ๒ อย่างนั้น ก้อนเหล็กเทียว อันภิกษุนั้นบริโภคแล้ว พึงเป็นของประเสริฐกว่า คือ ดีกว่า
และประณีตกว่า เพราะว่า ภิกษุนั้นจะไม่เสวยทุกข์ซึ่งมีการกำหนดรู้ได้ยาก แม้ด้วยสัพพัญญุตญาณ ในสัมปรายภพ เพราะบริโภคก้อนเหล็กแดง แต่จะได้เสวยทุกข์มีประการดังกล่าวแล้วในสัมปรายภพ เพราะเธอบริโภคก้อนข้าวของชาวแว่นแคว้น ซึ่งตนได้มาแล้วด้วยอาการอย่างนั้น. จริงอยู่ อาชีพนี้ จัดเป็นมิจฉาชีพขั้นสุดยอด.
ขออนุโมทนาครับ