[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 929
เถราปทาน
ปิลินทวรรคที่ ๔๐
พักกุลเถราปทานที่ ๖ (๓๙๖)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายยา
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 929
พักกุลเถราปทานที่ ๖ (๓๙๖)
ว่าด้วยผลแห่งการถวายยา
[๓๙๘] ภูเขาชื่อโสภิตะมีอยู่ในที่ไม่ไกลภูเขาหิมวันต์ พวกศิษย์ ของเราช่วยกันสร้างอาศรมอย่างสวยงามให้เราที่ใกล้ภูเขานั้น.
ที่ใกล้อาศรมนั้น มีมณฑปเป็นอันมาก ไม้ย่างทราย กำลังมีดอกบาน ไม้มะขวิด ต้นจำปา ไม้กากะทิง ไม้เกด มีเป็นอันมาก.
มีไม้ย่างทราย ต้นพุทรา และต้นมะขามป้อมเป็นอันมาก มีต้นมะปราง น้ำเต้า และบัวขาวกำลังมีดอกบาน.
มีต้นรักขาว ต้นมะตูม ต้นกล้วย และต้นมะงั่ว ต้น สะท้อน ต้นรกฟ้าขาว และต้นประยงค์ มีอยู่มาก.
มีต้นคำ ไม้สน ต้นกระทุ่ม ต้นไทร และมะกอก อาศรม ของเราเป็นเช่นนี้ เราพร้อมด้วยศิษย์อยู่ที่อาศรมนั้น.
พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้สยัมภูพระนามว่า อโนมทัสสี เป็น นายกของโลก ทรงแสวงหาที่เร้น เสด็จเข้าสู่อาศรมของเรา.
และเมื่อเราเข้าไปเฝ้าพระมหาวีระพระนามว่า อโนมทัสสี ผู้มียศมาก โรคลมก็เกิดขึ้นแก่พระโลกนาถโดยฉับพลัน.
เราเที่ยวไปในป่า ได้เห็นพระสัมพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของ โลก ผู้มีจักษุ มียศมาก จึงได้เข้ารูปเฝ้า.
ครั้นได้เห็นพระอิริยาบถเข้าก็เข้าใจได้ในทันทีว่า โรคเกิด ขึ้นแก่พระพุทธเจ้าแน่แล้ว.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 930
เราจึงรีบกลับอาศรม ในสำนักของพวกศิษย์เรา ขณะนั้น เราปรึกษาศิษย์ว่า เราต้องการทำยา.
ศิษย์ทั้งหมดผู้มีความเคารพ รับคำของเราแล้วร่วมประชุม กันเพราะเคารพในเราผู้เป็นครู.
เรารีบขึ้นไปบนภูเขาเก็บยาทุกสิ่งมาปรุง ได้ปรุงเป็นยา ต้มแล้ว รินเอาน้ำยามาถวายพระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐ.
เมื่อพระมหาวีระผู้สัพพัญญู เป็นนายกของโลก เสียแล้ว โรคลมของพระสุคตเจ้าผู้แสวงหาคุณยิ่งใหญ่ก็สงบลงฉับพลัน.
พระพุทธเจ้าพระนามว่า อโนมทัสสี ผู้มียศมาก ทรงเห็น ความกระวนกระวายสงบแล้ว ประทับนั่งบนอาสนะของ พระองค์ ได้ตรัสพระคาถาเหล่านี้ว่า
ผู้ใดได้ถวายยาแก่เรา และระงับโรคของเราได้ เราจัก พยากรณ์ผู้นั้น ท่านทั้งหลายจงฟังเรากล่าว
ผู้นั้นจักรื่นรมย์อยู่ในเทวโลกตลอดแสนกัป ผู้นั้นจักบันเทิง อยู่ในเทวโลกนั้น อันมีดนตรีประโคมอยู่ทุกเมื่อ.
มาใส่มนุษยโลกแล้ว อันกุศลมูลตักเตือน จักได้เป็น พระเจ้าจักรพรรดิราช ๑,๐๐๐ ครั้ง.
ใน ๕๕ กัป จักได้เป็นกษัตริย์พระนามว่า อโนมิ ทรง ชนะวิเศษ มีสมุทรสาคร ๔ เป็นขอบเขต เป็นใหญ่ในชมพู- ทวีป.
เป็นพระเจ้าจักรพรรดิสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพล มาก จักยังดาวดึงส์ให้กระฉ่อนแล้ว จักเสวยความเป็นใหญ่.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 931
เป็นเทวดาหรือเป็นมนุษย์ จักเป็นผู้มีอาพาธน้อย จักเว้น ความเร่าร้อนแล้ว ข้ามพ้นความป่วยไข้ได้ในโลก.
ในกัปอันประมาณมิได้แต่กัปนี้ พระศาสดามีพระนามว่า โคดม ซึ่งมีสมภพในวงศ์พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติ ในโลก.
เขาจักเป็นทายาทในธรรมของพระศาสดาพระองค์นั้น เป็น โอรสอันธรรมนิรมิต กำหนดรู้อาสวะทั้งปวงแล้ว จักเป็นผู้ ไม่มีอาสวะ นิพพาน.
จักเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ข้ามพ้นกระแสตัณหาได้ จักมี ชื่อว่า พักกุละ เป็นสาวกของพระศาสดา.
พระโคดมศากยบุตร ทรงรู้คุณทั้งปวงนี้แล้ว ประทับนั่ง ในท่ามกลางภิกษุสงฆ์ จักทรงตั้งไว้ในเอตทัคคสถาน.
พระผู้มีพระภาคเจ้า พระนามว่า อโนมทัสสี ผู้สยัมภู ผู้เป็นนายกของโลก ผู้ต้องการความวิเวก เสด็จมายังอาศรม ของเรา.
เรามีความเลื่อมใส ได้ยังพระมหาวีระผู้สัพพัญญู เป็น นายกของโลก ซึ่งเสด็จเข้ามา ให้อิ่มหนำด้วยโอสถทั้งปวง ด้วยมือของตน.
เรานั้นได้ทำกรรมดีแล้วในเขตที่ดี สมบูรณ์ด้วยพืช ก็ใน กาลนั้น เราไม่อาจให้กรรมที่เราทำแล้วสิ้นไปได้เลย.
การที่เราได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นนายกนั้น เป็น
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 932
ลาภที่เราได้ดีแล้ว ด้วยกรรมอันเหลือนั้น เราได้บรรลุบทอันไม่ หวั่นไหว.
พระโคดมศากยบุตรทรงทราบคุณทั้งหมดนี้ ประทับนั่ง ในท่านกลางภิกษุสงฆ์ ทรงตั้งเราไว้ในเอตทัคคสถาน.
ในกัปอันประมาณมิได้แต่กัปนี้ เราได้ทำกรรมใดในกาล นั้น ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการ ถวายยา.
เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ถอนภพขึ้นได้หมดแล้ว มี อาสวะทั้งปวงสิ้นไปแล้ว บัดนี้ภพใหม่ของเรามิได้มี.
การที่เราได้มาในสำนักพระพุทธเจ้าของเรานี้ เป็นการ มาดีแล้วหนอ วิชชา ๓ เราได้บรรลุแล้วโดยลำดับ คำสอน ของพระพุทธเจ้าเราได้ทำเสร็จแล้ว.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระพักกุลเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ ฉะนี้แล.
จบพักกุลเถราปทาน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 933
๓๙๖. อรรถกถากุลเถราปทาน (๑)
พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ ๖ ดังต่อไปนี้ :-
อปทานของท่านพระพากุลเถระ. มีคำเริ่มต้นว่า หิมวนฺตสฺสาวิทูเร ดังนี้.
เล่ากันมาว่า พระเถระรูปนี้ในอดีตกาล ตั้งแต่กาลที่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า อโนมทัสสี ทรงอุบัติขึ้นแล้ว ในที่สุดแห่งอสงไขย กำไรแสนกัปแต่นี้ไป ท่านได้บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ก่อนกว่าใคร เจริญวัยแล้ว ได้เรียนจบไตรเพท มองไม่เห็นสาระในไตรเพทนั้น คิดว่า เราจักแสวงหาประโยชน์ในภพหน้า จึงบวชเป็นฤาษีอยู่ที่เชิงเขา เป็นผู้ ได้อภิญญา ๕ และสมาบัติ ๘ อยู่มาได้ทราบว่าพระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้น จึงไปยังสำนักของพระศาสดา ได้ฟังธรรมแล้ว ดำรงมั่นอยู่ในไตรสรณะ เมื่อพระศาสดาเกิดการอาพาธเนื่องด้วยโรคลม จึงไปนำเอาเภสัชมาจากป่า ระงับโรคลมนั้นจนสงบดี น้อมใจนึกไปถึงบุญอันนั้น ก็เพื่อประโยชน์ แห่งความเป็นผู้ไม่มีโรคภัย พอจุติจากโลกมนุษย์นั้น ก็ได้ไปบังเกิดใน พรหมโลก ได้ท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลกตลอดอสงไขยหนึ่ง ในกาลแห่งพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ท่านได้บังเกิดในตระกูล แห่งหนึ่ง ในพระนครหังสาวดี บรรลุนิติภาวะแล้ว ได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้ว ได้มองเห็นภิกษุรูปหนึ่ง ซึ่งพระศาสดาทรง สถาปนาท่านไว้ในตำแหน่งที่เลิศแห่งพวกภิกษุผู้มีอาพาธน้อย ตนเองหวัง จะได้ตำแหน่งนั้นบ้าง จึงได้ตั้งปณิธานไว้แล้ว ได้สั่งสมแต่กุศลกรรมจน ตลอดชีวิตแล้ว ได้ท่องเที่ยวไปในสุคติอย่างเดียว ตั้งแต่พระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่าวิปัสสีทรงอุบัติขึ้นแล้ว ท่านก็ได้บังเกิดในตระกูลของ
๑. บาลีว่า พักกุลเถราปทาน.
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 934
พราหมณ์ ในนครพันธุมดีก่อนกว่าใครหมด พอเรียนจบศิลปศาสตร์ทุก สาขาแล้ว มองไม่เห็นสาระในศิลปะนั้น จึงได้ออกบวชเป็นฤาษี เป็นผู้ ได้ฌานและอภิญญา อยู่ที่เชิงเขา ได้สดับว่าพระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นแล้ว จึงได้ไปยังสำนักของพระศาสดา ได้ตั้งอยู่ในไตรสรณะ เมื่อภิกษุทั้งหลาย เกิดความป่วยไข้เพราะหญ้าเป็นเหตุ จึงช่วยรักษาโรคนั้นจนสงบ ดำรง อยู่ในอัตภาพนั้นจนตลอดอายุ จุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ได้บังเกิดใน พรหมโลก ตั้งแต่นั้นในกัปที่ ๙๑ ท่านได้ท่องเที่ยวไปในเทวโลกและ มนุษยโลก ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า กัสสปะ ท่านได้ บังเกิดในเรือนอันมีสกุลในกรุงพาราณสี อยู่เป็นฆราวาส ได้มองเห็น มหาวิหารหลังหนึ่งซึ่งคร่ำคร่าทรุดโทรม จึงให้ช่างจัดการสร้างที่อยู่อาศัย ทั้งหมด มีโรงอุโบสถเป็นต้น ในมหาวิหารนั้น ได้จัดแจงถวายเภสัชทุกชนิด แก่ภิกษุสงฆ์ในที่นั้นด้วย ได้สร้างกุศลกรรมจนตลอดชีวิตแล้ว ก็ได้ท่อง เที่ยวไปในเทวโลกและมนุษยโลกตลอดพุทธันดรหนึ่ง เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าของพวกเราทรงอุบัติขึ้นแล้ว เขาบังเกิดแล้วในตระกูลเศรษฐี ในกรุงโกสัมพีก่อนกว่าใครหมด.
เขาคลอดออกจากครรภ์ของมารดาแล้ว พวกพี่เลี้ยงนำไปอาบน้ำที่ แม่น้ำยมุนา เพื่อความไม่มีโรค หลุดจากมือของพวกพี่เลี้ยง ได้ถูกปลาฮุบ ไป พวกชาวประมงเอาข่ายจับปลานั้นมาได้แล้ว ขายให้กับภริยาของท่าน เศรษฐีชาวกรุงพาราณสี. นางรับปลานั้นไปแล้ว ขณะที่กำลังทำการผ่า ได้มองเห็นทารกผู้ไม่มีโรค เพราะผลบุญที่เขาได้ทำไว้ในปางก่อน จึง เอ่ยว่า เราได้ลูกชายแล้ว จึงรับเลี้ยงไว้ เขาได้ทราบเรื่องราวนี้แล้ว จากมารดาบิดาบังเกิดเกล้า ผู้มาแล้วกล่าวว่า เด็กคนนี้เป็นลูกของพวก
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 935
เรา, จงให้ลูกคืนแก่พวกเราเถิด ดังนี้ เมื่อพระราชาทรงซักถามแล้ว จึงทรงตัดสินว่า เด็กคนนี้ จงเป็นของทั่วไปแก่ตระกูลทั้งสอง เพราะว่า เขาดำรงอยู่โดยความเป็นทายาทของตระกูลทั้งสอง จึงได้นามว่า พากุละ เจริญวัยแล้ว ได้เสวยสมบัติมากมาย อยู่ในตระกูลเศรษฐี ๒ ตระกูล ตระกูลละ ๖ เดือน เศรษฐีทั้งสองตระกูลเหล่านั้น เมื่อถึงวาระของตน แล้ว ก็ต่อเรือพ่วงกัน ให้ช่างทำเป็นมณฑปรัตนะไว้บนเรือนนั้น ให้ ตระเตรียมดนตรีอันประกอบด้วยองค์ ๕ แล้วให้กุมารนั่งในเรือนนั้นแล้ว ก็พากันมาทางแม่น้ำคงคาจนถึงที่ท่ามกลาง (จุดศูนย์กลาง) พระนคร ทั้งสอง แม้พวกคนของท่านเศรษฐีอีกคนหนึ่ง ก็ได้ตระเตรียมไว้เช่นนั้น เหมือนกัน ไปยังสถานที่นั้นแล้ว ยกกุมารขึ้นบนเรือนั้นแล้วพาไป กุมาร คนนั้น เจริญอยู่อย่างนั้น เป็นผู้มีอายุ ๘๐ ปี ปรากฏมีชื่อว่า อุภยเศรษฐีบุตร เขาได้ไปยังสำนักของพระศาสดาฟังธรรมแล้ว ได้มีศรัทธาบวชแล้ว พยายามอยู่ตลอด ๗ วัน ในวันที่ ๘ ก็ได้บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วย ปฏิสัมภิทา ๔.
ครั้นท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว ระลึกถึงบุรพกรรมของตนได้ เกิดความโสมนัสใจ เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ตนเคยได้ประพฤติมาแล้ว ในกาลก่อน จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า หิมวนฺตสฺสาวิทูเร ดังนี้. เนื้อความ แห่งคำนั้นข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้วในหนหลังแล. เนื้อความแห่งบาลีแห่ง อปทาน ก็พอจะรู้ได้โดยง่ายทีเดียว พระพากุลเถระนั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว มีชีวิตอยู่ด้วยความสุขอันเกิดแต่วิมุตติ เป็นผู้มีอายุ ๑๖๐ ปี จึงได้ปรินิพพานแล.
จบอรรถกถาพากุลเถราปทาน