โลภะเกิดแล้วเกิดอีก
โดย panee.r  21 พ.ย. 2550
หัวข้อหมายเลข 5620

ทุกคนมีโลภะเหนียวแน่น โลภะเกิดแล้วเกิดอีก จึงเป็นการดี ที่จะรู้ขณะจิตที่มีโลภะอย่างละเอียดขึ้น เมื่อเห็นสิ่งที่น่าพอใจ ได้ยินเสียงไพเราะ ความพอใจสิ่งที่เห็นหรือได้ยินก็แทบจะเกิดขึ้นทันที บังคับบัญชาไม่ได้ เพราะมีเหตุปัจจัยที่พร้อมจะให้เกิดขึ้น เราติดสิ่งที่น่าพอใจวันนี้ ก็เพราะว่าเราติดข้องมาแล้วในอดีต โลภะวันนี้เป็นปัจจัยให้เกิดโลภะต่อไปในอนาคต



ความคิดเห็น 1    โดย แช่มชื่น  วันที่ 21 พ.ย. 2550

ปัญญาในวันนี้แม้ขั้นฟัง ก็เป็นเหตุให้ดับโลภะได้ในอนาคต (อีกแสนโกฏิกัปป์) เช่นเดียว กันครับ

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 2    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 21 พ.ย. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

หากกิเลสเป็นรูปธรรม จะหาที่เก็บกิเลส จักรวาลก็ไม่พอให้เก็บกิเลสที่เกิดขึ้น ผ่านมา

[เล่มที่ ๔๐] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๑-หน้าที่ ๔๒๔

ข้อความบางตอนจาก

เรื่อง พระจิตตหัตถเถระ

อย่างนั้นนั่นแล ภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่ากิเลสทั้งหลายย่อมเป็นสภาพหยาบ ถ้ากิเลสเหล่านี้ มีรูปร่าง อันใครๆ พึงสามารถจะเก็บไว้ได้ในที่บางแห่ง จักรวาลก็แคบเกินไป พรหมโลกก็ต่ำเกินไป โอกาสของกิเลสเหล่านั้นไม่พึงมี (บรรจุ) เลย หนทางเดียวที่ละโลภะคือรู้จักว่า โลภะเป็นธรรมไม่ใช่เราเสียก่อน
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์


ความคิดเห็น 3    โดย JANYAPINPARD  วันที่ 22 พ.ย. 2550

อะไรละโลภะคำตอบคือปัญญา ลองคลิกอ่านใน ..

ปัญญาละโลภะได้อย่างไร


ความคิดเห็น 4    โดย orawan.c  วันที่ 22 พ.ย. 2550

เชิญคลิกอ่านที่ ..

โลภะคือความติดข้อง เหมือนลิงติดตัง


ความคิดเห็น 5    โดย wannee.s  วันที่ 22 พ.ย. 2550

[เล่มที่ ๒๕] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๒ - หน้าที่ ๕๓

[๔๗๗] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกะมารด้วยพระคาถาว่า ภูเขาทองคำล้วนมีสีสุกปลั่ง ถึง สองเท่าก็ยังไม่พอแก่บุคคลหนึ่ง บุคคล ทราบดังนี้แล้ว พึงประพฤติสงบ ผู้ใดได้ เห็นทุกข์มีกามเป็นเหตุแล้ว ไฉนผู้นั้นจะ พึงน้อมใจไปในกามเล่า บุคคลทราบอุปธิ ว่าเป็นเครื่องข้องในโลกแล้ว พึงศึกษา เพื่อกำจัดอุปธินั้นเสีย


ความคิดเห็น 6    โดย chatchai.k  วันที่ 9 พ.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 7    โดย yu_da2554hotmail  วันที่ 21 ส.ค. 2565

ขออนุโมทนาค่ะ