* พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงปรารภการฟังธรรม ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่ง แก่การอบรมเจริญปัญญา เพื่อรู้แจ้งความจริง จึงตรัสพระพุทธพจน์นี้
* พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงเปรียบเทียบถึงความยากที่จะพ้นจากกิเลส เหมือนการที่จะข้ามจากฝั่งที่เต็มไปด้วยกิเลส สู่ฝั่งที่เกษมคือพระนิพพาน
* ผู้ที่ข้ามพ้นฝั่งนี้ที่เต็มไปด้วยกิเลสอกุศล สู่ฝั่งคือพระนิพพาน ด้วยความเห็นถูก มีจำนวนน้อย
* แต่คนจำนวนมากที่เกิดมาในภพนี้แล้ว ก็ติดข้องอยู่ในภพ คือติดอยู่ในฝั่งนี้ หรือพยายามจะข้ามฝั่ง แต่เพราะไม่รู้จักฝั่งทั้งสองตามความเป็นจริง จึงเป็นไปด้วยความเห็นผิดที่ยึดว่าเป็นเรา (สักกายทิฏฐิ) เหมือนคนที่เลาะไปตามตลิ่งของฝั่งนี้ ไม่อาจข้ามฝั่งได้เลย เพราะเข้าใจผิด แสวงหา และดำเนินไปตามหนทางผิด
* การจะข้ามพ้นจากฝั่งนี้ สู่ฝั่งพระนิพพานได้ ต้องด้วยการประพฤติสมควรแก่ธรรม คือการอบรมเจริญปัญญา ตั้งแต่ขั้นการฟังพระธรรม จนปัญญาสามารถรู้ในความเป็นธรรมของสิ่งที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง ถึงการประจักษ์แจ้งพระนิพพาน ดับกิเลสได้ จึงสามารถข้ามพ้นบ่วงมาร คือกิเลสมาร (สภาพกิเลสอกุศล ที่ขัดขวางคุณความดี) ซึ่งก้าวล่วงได้แสนยาก ได้ตามความเป็นจริง
โดย อ.อรรณพ หอมจันทร์
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... คติธรรม
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ