ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ และได้คำถามจากอาจารย์ว่า อาจารย์ไปทานข้าวเช้าที่มหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก เห็นพระสงฆ์ ๗ รูป ยืนเข้าแถวซื้อข้าว อยากทราบคำตอบว่าทำไมสังคมสมัยนี้ถึงเป็นอย่างนี้ (มันเกี่ยวกับวิชาบริบทและสังคมโลก) ใครมีคำตอบช่วยตอบให้หน่อยน่ะค่ะ แบบมีสาระ
ในสมัยครั้งพุทธกาลพระภิกษุสาวกของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านเป็นผู้ได้รับการอบรมทางกาย วาจา และใจ เป็นอย่างดี และท่านก็แนะนำอบรมสอนแก่อันเตวาสิกของท่านให้ประพฤติอยู่ในพระธรรมวินัย เมื่อกาลผ่านมาถึงสองพันห้าร้อยกว่าปี ประเพณีอันดีงามของพระอริยะที่สืบๆ กันมาก็ค่อยๆ จางหายไปที่ท่านยกมาเล่า ก็เป็นความประพฤติของภิกษุปุถุชนที่ไม่ได้รับการอบรมในวินัยของพระอริยะนั่นเอง เพราะในพระวินัยมีสิกขาบทแสดงไว้ชัดเจนว่า ภิกษุไม่พึงรับเงินทอง ภิกษุไม่พึงทำการซื้อหรือขายสิ่งใดๆ ถ้ารับหรือยินดีในเงินทอง หรือซื้อขาย เป็นอาบัติ มีโทษ เป็นอันตรายด้วยครับ ไม่ควรสนับสนุน...
ยุคนี้เป็นยุคที่เสื่อมลงของพระพุทธศาสนา เพราะปัญญาของคนในยุคนี้มีน้อยผู้ที่จะสามารถศึกษาพระธรรมจนเข้าใจถูก ตรงตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้ ...ก็มีน้อย รวมทั้งผู้ที่จะสามารถประพฤติพรหมจรรย์ได้ครบบริบูรณ์ตามพระวินัย ก็หาได้ยาก ยุคนี้จึงเป็นยุคที่กุศลธรรมค่อยๆ เสื่อมลง แต่อกุศลธรรมเจริญขึ้น การที่จะช่วยกันปกป้องพระศาสนาในยุคนี้ ดีที่สุดก็คือการศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ ถ้าเข้าใจก็จะเริ่มเห็นใจผู้อื่นครับ แต่ถ้ายังไม่เข้าใจ ก็ยากเหลือเกินที่วันหนึ่งๆ จะเห็นใจในผู้ที่กระทำผิดด้วยความไม่รู้คุณ ไม่รู้โทษ ไม่รู้ความจริงของชีวิตครับ
ถ้าบวชเป็นพระภิกษุแล้วไม่รักษาพระวินัยทำผิด อาบัติแล้วไม่รู้ อย่าบวชดีกว่า เพราะบวชไปแล้วก็ไปอบายภูมิ ไม่คุ้มเลยค่ะ เป็นคฤหัสถ์ที่ดียังดีกว่าค่ะ
ขออนุโมทนาทุกท่านครับ
เป็นไปตามกิเลสและเป็นธรรมและเป็นธรรมดาของโลก เมื่อเห็นเหตุการณ์เป็นเครื่องทดสอบปัญญาของผู้เห็น เมื่อเข้าใจย่อมรู้ว่า สิ่งที่ควรอบรมคือเข้าใจความจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา เพราะไม่เช่นนั้น ก็ยังเป็นเขาเป็นเราที่ทำสิ่งต่างๆ เริ่มจากฟังให้เข้าใจว่าธรรมคืออะไร
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนา
อกุศลเมื่อเกิดขึ้นกับบุคคลใด ย่อมเป็นอกุศล ไม่ว่าจะเป็นบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ก็ตาม อกุศล เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ เป็นสิ่งที่น่ากลัว ทั้งนั้น ผู้ที่จะเป็นบวชเป็นบรรพชิตได้นั้น ต้องเป็นผู้มีอัธยาศัยน้อมไปที่จะขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิตด้วยใจจริง ซึ่งต้องสละอาคารบ้านเรือน สละวงศาคณาญาติ รวมถึงสละโภคสมบัติด้วย เมื่อบวชแล้ว ยังจะต้องศึกษาพระธรรมวินัย ศึกษาในสิกขาบทข้อต่างๆ ที่พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติไว้ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ถ้าปราศจากการศึกษาหรือไม่มีความเข้าใจอย่างถูกต้อง พฤติกรรมที่ไม่ดี ไม่มีความละอาย ล่วงละเมิดพระวินัยบัญญัติ ก็ย่อมจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ ความเป็นบรรพชิต ถ้ารักษาไม่ดี ไม่เอื้อเฟื้อในพระธรรมวินัย มีแต่จะทำให้เกิดโทษฝ่ายเดียว ดังข้อความที่ว่า
"หญ้าคาอันบุคคลจับไม่ดี ย่อมบาดมือนั่นเอง ฉันใด ความเป็นสมณะ อันบุคคลปฏิบัติไม่ดี ย่อมฉุดเข้าไป ในนรก ฉันนั้น" ..
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่าน ครับ...
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านเช่นกันค่ะ ถ้าไม่มีศรัทธาที่จะบวชเป็นเพศบรรพชิตและมีอัธยาศัยที่สะสมมาในการขัดเกลากิเลสเห็นโทษในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะแล้ว ก็อย่าบวชดีกว่า เพราะถ้าไม่มีความเข้าใจในพระธรรมวินัยแล้วล่วงละเมิดพระวินัยบัญญัติก็มีแต่โทษ ห้ามมรรคผลและยังมีทุคติเป็นที่ไปอีก
จึงเป็นหน้าที่ของเราชาวพุทธที่จะต้องศึกษาพระธรรมวินัยเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง เป็นปัจจัยให้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตรงตามพระธรรมวินัยตามเพศ ตามอัธยาศัย ที่สั่งสมมา อกุศลของผู้อื่น ไม่ควรเพ่งอกุศลของตน ไม่ควรละเลย
การบวชกระทำได้ยากแท้
ได้ยินว่าพระเชนตเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า การบวชกระทำได้ยากแท้การอยู่ครองเรือนก็ยากแท้ธรรมเป็นของลึก การหาทรัพย์เป็นของยากการเลี้ยงชีพของเราด้วยปัจจัย ๔ ตามมีตามได้ ก็เป็นของยาก ควรคิดถึงอนิจจตาเนืองๆ
ธรรมเตือนใจวันที่ : 13-01-2548
อนุโมทนาคะ
สาธุ