ผมได้ส่งข้อความทางไลน์ เกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า ในเรื่อง ไม่ให้ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง ขอให้มีสติทุกขณะจิต ทุกอริยาบท ทุกสถานที่ ทุกเวลา แต่ได้รับการตอบมาในทำนองที่ว่า "ละชั่ว ทำดี และทำจิตใจให้ผ่องใส" ก็พอแล้ว
ผมก็ส่งต่อไปว่า ถ้าไม่ได้ศึกษาพระธรรมจะเกิดสัมมาทิฏฐิหรือความเห็นถูกต้องไม่ได้เลย แม้กระทั่งคำสอนซึ่งเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนาคือ "ละชั่ว ทำดี และทำจิตใจให้ผ่องใส" ถ้าไม่ศึกษาให้ลึกซึ้งเข้าไปอีก ก็อาจติดอยู่ในโลกียสุขก็ได้ พลาดพลั้งไปอาจตกอบายก็ได้ จงอย่าประมาท แต่ได้รับการตอบว่า "ผมไม่ใช่บัณฑิตแต่ก็คบกับบัณฑิต เชื่อฟังครูบาอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนมาจะได้ไม่เป็นคนเนรคุณ" จากการสนทนากันนี้ ขอเรียนถามท่านวิทยากรพิจารณาด้วย ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
มิจฉาทิฏฐิ เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ที่เป็นอกุศลธรรม ที่เป็นความเห็นผิด เห็นคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง เช่น เห็นผิดว่ากรรมไม่มี ผลของกรรมไม่มี เห็นผิดว่ามีสัตว์บุคคล เห็นผิดว่าเป็นสุข เห็นผิดว่าเที่ยง เป็นต้น รวมความว่าความเห็นผิดเป็นการเห็นที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงในเรื่องของสภาพธรรม ครับ
ความเห็นผิด เป็นสภาพธรรมที่มีจริง แต่เป็นสภาพธรรมที่เป็นอกุศลธรรม เป็นสิ่งที่ไม่ดี ความเห็นผิด หรือ มิจฉาทิฏฐิ พระพุทธองค์แสดงไว้ว่ามีโทษมาก อันตราย เพราะความเห็นผิด (มิจฉาทิฏฐิ) เมื่อเกิดขึ้นย่อมทำให้คิดผิด (มิจฉาสังกัปปะ) คือ คิดติดข้องในสิ่งต่างๆ (กามวิตก) คิดเบียดเบียนผู้อื่น (วิหิงสาวิตก) คิดปองร้ายผู้อื่น (พยาบาทวิตก) เมื่อคิดผิด ก็ทำให้มีวาจาที่ผิด (มิจฉาวาจา) คือ พูดเท็จ พูดหยาบ พูดส่อเสียดและพูดเพ้อเจ้อ และเพราะเห็นผิด การกระทำทางกายก็ผิด (มิจฉากัมมันตะ) คือฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ เป็นต้น และทำให้มีอาชีพที่ผิด (มิจฉาอาชีวะ) มีความเพียรที่ผิดที่เป็นไปในอกุศล (มิจฉาวายามะ) มีความระลึกผิด มีความตั้งมั่นผิด และทำให้สิ่งต่างๆ และอกุศลธรรมประการต่างๆ เจริญขึ้น เพราะมีความเห็นผิดครับ ซึ่งขอแสดงความเห็น ในข้อความที่ยกมา ซึ่ง การละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ เป็นเรื่องของปัญญา ที่ไม่ใช่เพียงจะทำ แต่เป็นเรื่องของสภาพธรรมที่ทำหน้าที่ คือ ปัญญาที่ทำกิจหน้าที่ ไม่ใช่เรา ซึ่งจะต้องอาศัยการฟัง ศึกษาพระธรรม ซึ่งการจะละชั่วด้วยความเป็นเรา ที่ยึดถือว่ามีเราที่จะละชั่ว ก็เป็นความเห็นผิดที่เป็น สักกายทิฏฐิ ได้
ส่วนการให้มีสติทุกเมื่อ ทุกขณะจิต ทุกอิริยาบถ ทุกสถาน การเข้าใจเช่นนี้ ก็เป็นการลืมความเป็นอนัตตา ที่เป็นธรรมที่ไม่สามารถบังคับได้เลย จะให้มีสติทุกขณะย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้น ต้องสำคัญว่า สติ และ ปัญญาก็เป็นธรรม ธรรมเป็นอนัตตา บังคับไม่ได้ สติและปัญญาก็บังคับให้เกิด ทุกขณะ ทุกที่ ทุกสถานก็ไม่ได้เช่นกัน ก็เป็นความเข้าใจผิดได้เช่นกัน ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้ศึกษาพระธรรมด้วยความละเอียดรอบคอบจริงๆ ไม่มีทางจะเข้าใจถูกเห็นถูกในธรรมตามความเป็นจริงได้เลย ก็เป็นการพูดคำที่ไม่รู้จัก และเข้าใจผิดจากความเป็นจริงของธรรม นั่นก็คือ ความเห็นผิด
เพราะฉะนั้น เรื่องของความไม่รู้ เรื่องของความเห็นผิดนั้น มีมาก ดังนั้น จึงมีหนทางเดียวเท่านั้นที่จะป้องกันไม่ให้เข้าใจผิดคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงของธรรม ก็คือ ฟังพระธรรมให้เข้าใจ เมื่อเข้าใจอย่างถูกต้องแล้ว ก็จะไม่หวั่นไหวไปตามคำของผู้อื่น เพราะมีที่พึ่งแล้ว คือ มีความเข้าใจพระธรรมเป็นที่พึ่ง ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ถ้าเข้าใจธรรมะผิด ก็เป็นความเห็นผิด แต่ถ้าได้คบบัณฑิตได้ฟังธรรมของบัณฑิตก็สามารถกลับมาเป็นความเห็นถูกได้ ค่ะ
สำคัญที่ตัวเราเข้าใจพระธรรม ... น้อมประพฤติปฏิบัติตามในหนทางที่ถูกซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้อย่างละเอียดโดยประการทั้งปวงเพื่อการหมดสิ้นไปของกิเลส..ของผู้ที่ศึกษาพระธรรมด้วยใจจริงค่ะ
สาธุขออนุโมทนาค่ะ
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนา ครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ