เรียนถาม
สาวกโพธิสัตว์ ปัจเจกโพธิสัตว์และสัมมาสัมพุทธโพธิสัตว์ ต่างกันอย่างไร และพระโพธิสัตว์ในศาสนาพุทธเถรวาทกับมหายาน เหมือนกันหรือไม่
ขอบพระคุณอย่างสูง
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
คำว่า โพธิสัตว์ หมายถึง สัตว์ แปลว่า ผู้ข้อง โพธิ คือ การตรัสรู้
โพธิสัตว์ ความหมาย คือผู้ที่ข้องอยู่ เพื่อการตรัสรู้ หรือพูดง่ายๆ คือผู้ที่จะตรัสรู้ในอนาคต ครับ ดังนั้น โพธิสัตว์ คือผู้ที่จะตรัสรู้ในอนาคต จึงมี ๓ ประเภท คือ
สาวกโพธิสัตว์
ปัจเจกโพธิสัตว์
สัมมาสัมพุทธโพธิสัตว์
ทั้ง ๓ ประเภท นี้ คือสัตว์ที่จะตรัสรู้ในอนาคต
สัพพัญญูโพธิสัตว์ หรือสัมมาสัมพุทธโพธิสัตว์ คือ ผู้ที่บำเพ็ญพระบารมีมาเพื่อตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง แล้วสอนให้ผู้อื่นได้รู้ตาม
ปัจเจกโพธิสัตว์ คือ ผู้ที่บำเพ็ญพระบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ตรัสรู้สภาพธรรมได้ด้วยตนเอง แต่ไม่สามารถสอนให้ผู้อื่นรู้ตามได้
สาวกโพธิสัตว์ หรืออนุพุทธโพธิสัตว์ คือ ผู้บำเพ็ญบารมี เพื่อตรัสรู้ธรรม เป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครับ
ส่วนคำถามที่ว่า พระโพธิสัตว์ในศาสนาพุทธเถรวาท กับ มหายาน เหมือนกันหรือไม่
พระโพธิสัตว์ของเถรวาท มุ่งหมายถึงผู้ที่ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่พระโพธิสัตว์ของมหายานนั้นเมื่อตรัสรู้แล้ว ก็เกิด มาช่วยสรรพสัตว์ จนกว่าจะหมดสิ้น คือเป็นพระอรหันต์แล้วปรินิพพานก็ไปอยู่ในสถานที่หนึ่ง และก็มาช่วยสรรพสัตว์อีก เป็นอันว่า ยังไม่ปรินิพพานจริงๆ จนกว่าจะช่วยสัตว์โลกได้หมด
แต่พระโพธิสัตว์จริงๆ ที่เป็นสัจจะ ฝ่ายเถรวาท คือผู้ที่บำเพ็ญบารมีเพื่อที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า และเมื่อเป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ช่วยสรรพสัตว์ให้บรรลุมรรคผล และพระองค์ก็ปรินิพพาน ไม่กลับมาเกิดอีก ไม่มีการที่จะมาช่วยสรรพสัตว์ ตามแบบมหายานครับ และมหายานยังแสดงว่า พระพุทธเจ้าก็จะไปอยู่ในสถานที่ที่เป็นสุข นิรันดร์ ซึ่งไม่ตรงกับการเข้าถึงปรินิพพานจริงๆ ที่ไม่มีการเกิดขึ้นของจิต เจตสิกและรูป จึงไม่มีสถานที่ที่อยู่ที่เป็นนิรันดร์ ครับ
ขออนุโมทนา
เรียนถามจากความเห็นที่ 1
พระสาวกของพระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์ ก่อนที่จะตรัสรู้ ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ทุกพระองค์หรือไม่
บุคคลผู้ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในเพศบรรพชิต แล้วบรรลุเป็นพระอริยบุคคลตามลำดับขั้นต่างๆ จำเป็นต้องเป็นโพธิสัตว์ทุกท่านหรือไม่
เรียนความเห็นที่ 2 ครับ
สาวกของพระพุทธเจ้าทุกคนที่จะตรัสรู้ เป็นสาวก เป็นพระโพธิสัตว์ ที่เรียกว่า สาวกโพธิสัตว์ ไม่ใช่ปัจเจกโพธิสัตว์และสัพพัญญูโพธิสัตว์ครับ
ส่วนคำถามที่ว่า บุคคลผู้ได้ฟังธรรมของพระพุทธเจ้า ผู้ที่ไม่ได้อยู่ในเพศบรรพชิต แล้วบรรลุเป็นพระอริยบุคคลตามลำดับขั้นต่างๆ จำเป็นต้องเป็นโพธิสัตว์ทุกท่านหรือไม่
- ไม่ว่าใครที่จะตรัสรู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ไม่ว่าจะบวชหรือไม่ได้บวชก็ตาม เมื่อจะได้ตรัสรู้เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า ชื่อว่าเป็นโพธิสัตว์ที่เรียกว่า สาวกโพธิสัตว์ ครับ แต่เราจะต้องเข้าใจ ความแตกต่างของมหายานกับเถรวาท นะครับ
มหายานจะเข้าใจไม่ตรงที่ว่า ทุกคน มีจิตโพธิ ที่จะตรัสรู้อยู่แล้ว ซึ่งไม่ตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นโพธิสัตว์ คือมีจิตที่เป็นโพธิที่จะตรัสรู้อยู่แล้ว แต่แล้วแต่ว่าใครจะสะสมปัญญามาหรือไม่ได้สะสมมาครับ ทำให้ไม่จำเป็นว่าทุกคนจะต้องตรัสรู้
ส่วนผู้ใด จะตรัสรู้เป็นพระสาวก เรียกว่า สาวกโพธิสัตว์ แต่ไม่ได้หมายความว่า มีจิตโพธิตามมหายานเข้าใจกันว่ามีอยู่แล้วครับ เพราะถ้าไม่มีการอบรมเหตุคือการเจริญปัญญา ก็ไม่มีทางถึงการตรัสรู้ ที่เรียกว่า โพธิ ได้เลยครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบอนุโมทนาค่ะ
เรียนถาม ขอเรียนถามเพิ่มเติมว่า
การที่จะเรียกบุคคลว่าเป็นโพธิสัตว์นั้น หมายถึงว่า ผู้นั้นจะต้องตรัสรู้ในอนาคต ไม่ว่าบุคคลผู้นั้นบวชหรือไม่บวชก็ตาม เรียกว่าเป็น สาวกโพธิสัตว์
ผู้ที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าที่ไม่ได้สอนใคร ก็เรียกว่าปัจเจกโพธิสัตว์ และเจ้าชายสิทธัตถะ พระองค์ก็เป็นสัมมาพุทธโพธิสัตว์ เข้าใจถูกต้องหรือไม่
และชาติที่ปฏิสนธิเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ที่จะเป็นโพธิสัตว์ ต้องเป็นในชาติที่จะบรรลุเท่านั้นหรือไม่ ที่จะเรียกว่าเป็นโพธิสัตว์
เรียนความเห็นที่ 6 ครับ
ใช่ครับ ถูกต้อง การจะเรียกผู้ที่จะเป็นโพธิสัตว์ จะต้องตรัสรู้ในอนาคต ที่เป็น ๓ ประเภท คือ สาวกโพธิสัตว์ ปัจเจกโพธิสัตว์ สัมมาสัมโพธิสัตว์ ไม่ว่าจะอยู่ในเพศอะไรก็ตาม
โพธิสัตว์ คือ ผู้ที่ข้องที่จะตรัสรู้ จึงต้องหมายถึง ผู้ที่จะตรัสรู้ จึงจะเป็นโพธิสัตว์ครับ ซึ่งก็แล้วแต่ว่าจะเรียกแบบไหน อย่างไร
ถ้าอบรมบารมีเพื่อจะเป็นสาวก ก็เรียก สาวกโพธิสัตว์
อบรมบารมีเพื่อจะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ก็เรียก ปัจเจกโพธิสัตว์
อบรมบารมีเพื่อที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ก็เรียกว่า สัมมาสัมโพธิสัตว์ ครับ
ซึ่งคุณวิริยะ มีความเข้าใจถูกต้องแล้วครับ
ส่วนผู้ที่จะเรียกว่า โพธิสัตว์ ไม่ต้องรอถึงชาติสุดท้าย ถึงจะเรียกว่า โพธิสัตว์ ครับ ชาติที่บำเพ็ญบารมีเพื่อจะตรัสรู้ในอนาคต จะเป็นสาวก พระปัจเจก หรือพระพุทธเจ้า ซึ่งท่านที่บำเพ็ญบารมี คือทำบุญกุศลไว้แล้วเพื่อที่จะตรัสรู้ในอนาคต ก็เรียกว่าโพธิสัตว์ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นชาติสุดท้ายที่จะบรรลุครับ
ตัวอย่างเช่น พระมหาชนก ก็เรียกว่พระโพธิสัตว์ พระเวสสันดร ก็เรียกว่าพระโพธิสัตว์ แต่เป็นสัมมาสัมโพธิสัตว์ครับ แม้ไม่ใช่ชาติสุดท้ายก็เรียกว่าพระโพธิสัตว์ได้ครับ แต่จะเรียกว่าโพธิสัตว์ประเภทใด ก็แล้วแต่ว่าผู้นั้นสะสมบารมีจะเป็นโพธิสัตว์ประเภทใดใน ๓ ประเภทครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
บุคคลผู้ที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ดี พระปัจเจกพุทธเจ้า ก็ดี หรือเป็นพระอริยสาวก ผู้ตรัสรู้ตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ดี ล้วนจะต้องเป็นผู้ได้สะสมอบรมเจริญบารมีประการต่างๆ มาแล้วตลอดระยะเวลาที่ยาวนาน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูก มาแล้วทั้งนั้น
เมื่อบารมีทั้งหลายที่ได้บำเพ็ญมาถึงความบริบูรณ์ ก็ทำให้ท่านเหล่านั้นได้ตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ตามสมควรแก่ฐานะของตนๆ จากที่เป็นผู้ที่ข้องอยู่ในการที่จะได้ตรัสรู้ (พระโพธิสัตว์) ในที่สุด ก็สามารถตรัสรู้ธรรมตามความเป็นจริงได้ ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอประทานโทษนะครับ ข้อความในความคิดเห็นที่ 1 ตรงที่ว่า
ส่วนคำถามที่ว่า พระโพธิสัตว์ในศาสนาพุทธเถรวาทกับมหายาน เหมือนกันหรือไม่ พระโพธิสัตว์ของมหายาน มุ่งหมายถึง ผู้ที่ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่พระโพธิสัตว์ของมหายานนั้น เมื่อตรัสรู้แล้วก็เกิดมาช่วยสรรพสัตว์จนกว่าจะหมดสิ้น
คำที่กระผมขีดเส้นใต้ เข้าใจว่าจะพิมพ์พลาด คือเจตนาจะพิมพ์คำว่า พระโพธิสัตว์ของเถรวาท แต่พลาดไป พิมพ์เป็น พระโพธิสัตว์ของมหายาน เพราะประโยคต่อมาก็มีคำว่า แต่ พระโพธิสัตว์ของมหายาน ตามมาอีก ควรมิควรแล้วแต่จะพิจารณาครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนานะครับ ที่ช่วยตรวจสอบ
ได้แก้ให้ถูกตามที่ได้กล่าวมาแล้วครับ
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อบรมปัญญาให้เข้าใจความจริง จะเป็นประโยชน์ทั้งชาตินี้และชาติต่อๆ ไป กุศลที่ทำได้เสมอๆ คือ การฟังพระธรรมที่พระอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง มีคุณค่ามหาศาลสำหรับชีวิตที่ต้องเดินทางต่อไปอีกแสนไกลและกันดาร
ขอเชิญศึกษาพระธรรม ...
รวมลิงก์เมนูต่างๆ ในเว็บไซต์
พระไตรปิฎก
ฟังธรรม
วีดีโอ
ซีดี
หนังสือ
กระดานสนทนา
กราบอนุโมทนายินดีในกุศลค่ะ