ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๐๕
โดย khampan.a  26 พ.ค. 2562
หัวข้อหมายเลข 30886

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๐๕

~ พระพุทธศาสนาเป็นพระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งผู้ที่เป็นสาวก คือ ผู้ฟังพระธรรมของพระองค์ จะต้องพิจารณาให้เกิดปัญญาของตัวเอง เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใด โดยไม่ใช่ปัญญา ไม่ใช่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง อย่างนี้ ก็จะไม่ใช่การประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเลย
~ พระธรรม เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด ไม่ใช่แต่เฉพาะในบ้าน ในเมือง แต่ทั้งโลกด้วย ควรหรือไม่ที่เราจะเห็นประโยชน์สูงสุด ที่จะรักษาความถูกต้อง และให้คนอื่นได้มีความเข้าใจถูกด้วย ถูก
ต้อง ถูก และผิด ก็ต้องผิด เพราะฉะนั้น ชาวพุทธหรือพุทธบริษัท ตัดสินใจหรือยังว่า ถึงเวลาที่
(แม้) คนอื่นเขาไม่ทำ แต่เราทำ ทีละคน สองคน สามคน ก็แล้วแต่จำนวน ก็ยังดีกว่าที่เกิดมาแล้ว ไม่ได้ทำอะไรที่จะเป็นประโยชน์
~ พระธรรมแต่ละคำที่แต่ละคนได้ยินได้ฟังนี้ มาจากการบำเพ็ญพระบารมีนานแสนนานของผู้ที่จะได้ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ละคำคือพระมหากรุณาคุณตั้งแต่ครั้งทรงบำเพ็ญพระบารมีเป็นพระโพธิสัตว์จนกระทั่งได้ทรงตรัสรู้ มีค่ามากสำหรับที่จะทำให้คนอื่นได้มีความเข้าใจจริงๆ
~ ทุกชีวิตที่เกิดมาแต่ละภพแต่ละชาติไม่แน่นอนเลย มีการเปลี่ยนแปลง บางครั้งก็เป็นกุศล บางครั้งก็เป็นช่วงเวลาของอกุศล ซึ่งไม่มีใครสามารถที่จะรู้การสะสมของกุศลและอกุศล ว่า ในกาลไหนจะเป็นปัจจัยให้อกุศลเกิดมาก และในกาลไหนจะเป็นปัจจัยให้กุศลประเภทใดเกิดมาก เพราะฉะนั้น ก็ไม่ควรประมาทในการเจริญกุศล
~ เมื่อมีความเข้าใจถูก ก็สามารถรู้ว่า สิ่งใดเป็นอกุศล สิ่งที่ไม่ดี และธรรมที่ตรงกันข้าม คือ ความดีนั้นคืออะไร ถ้ามีปัญญาเหมือนแสงสว่างก็จะนำไปสู่ทางของกุศล ห่างไกลจากอกุศลซึ่งเคยมีมากมาย แต่ว่าห่างทันทีไม่ได้เลย ค่อยๆ เป็นไปตามความเข้าใจ
~ ขณะใดที่ความโกรธเกิดขึ้น ขณะนั้นเป็นการประทุษร้ายตนเอง ซึ่งบุคคลอื่นไม่ได้กระทำ นอกจากกิเลสของตนเองเป็นผู้กระทำ ถ้าคิดได้อย่างนี้ ในขณะนั้น ก็จะเห็นโทษของอกุศล
~ มีทางที่จะพิจารณาเพื่อที่จะให้เกิดขันติ (ความอดทน) และเป็นกุศลเพิ่มขึ้น ไม่ว่าใครก็ตามที่ทำความเสียหาย ความเดือดร้อนให้ การกระทำของเขานั้นๆ ก็ดับไปในที่นั้นๆ ทำไมเราถึงจะยังโกรธต่อ ในเมื่อการกระทำนั้นหมดแล้ว จบแล้ว ดับแล้ว ขณะนี้เขาไม่ได้ทำอย่างนั้นแล้ว แต่ยังอุตส่าห์ไปคิดถึงเรื่องเก่าที่เขาทำ เพื่อที่จะให้ตนเองโกรธต่อไปอีก
~ ถ้าท่านจะถูกประทุษร้าย เบียดเบียนในปัจจุบันชาตินี้ แทนที่จะนึกโกรธหรือมุ่งร้ายต่อบุคคลซึ่งกระทำต่อท่าน ก็ควรที่จะมนสิการ (ใส่ใจ) ถึงกรรมของท่านเองที่ได้กระทำแล้ว ว่ามีเหตุที่ได้กระทำแล้ว ผลดังนี้จึงได้เกิดกับท่าน ถ้านึกอย่างนี้จะเป็นประโยชน์ ก็คงจะทำให้ละคลายการผูกโกรธ
~ เมตตาคือความหวังดี ความเป็นมิตร ไม่เลือกด้วย ไม่ว่ากับใคร พร้อมที่จะเกื้อกูล ถ้ามีโอกาสที่จะช่วยเหลือหรือทำอะไรได้ นี่คือความเป็นมิตร
~ ขณะที่โกรธ ไม่ใช่มิตร ขณะที่หวังร้าย ไม่ใช่มิตร ขณะที่เป็นอกุศลทั้งหมด ไม่ใช่มิตร
~ อกุศล เกิดบ่อยๆ เรื่อยๆ เกิดขึ้นเมื่อใด ก็ขัดขวางการเจริญขึ้นของกุศลเมื่อนั้น
~ ไม่ว่าจะพูดหรือทำ ล้วนเป็นไปในอำนาจของจิต ถ้าจิตใจดี มือเท้าก็เป็นไปในทางที่เป็นประโยชน์ มีการช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้อื่น กระทำในสิ่งที่ดีงาม เป็นต้น แต่ถ้าเป็นอกุศลจิต คิดร้ายเบียดเบียนผู้อื่น มือเท้าก็ประทุษร้ายเบียดเบียนผู้อื่น
~ ถ้ามีความเข้าใจในเรื่องของกิเลส (เครื่องเศร้าหมองของจิต) เรื่องของการขัดเกลากิเลส รู้ความต่างกันของอกุศลกับกุศล ใจที่ดีก็จะทำให้สามารถมีกาย วาจาที่ดีด้วย
~ ความเข้าใจ ความหวังดีที่จะไม่ให้คนอื่นต้องเดือดร้อนเพราะเราทำสิ่งที่ไม่ดี ขณะนั้น ก็จะทำให้กิริยาอาการเป็นไปตามสมบัติของคนดี ก็คือ ผู้ดี เพราะใจดี เพราะมีความเข้าใจในเหตุผลว่าทั้งหมดที่เป็นมารยาทที่ดีหรือเป็นสมบัติที่ดี ก็เพื่อคนอื่นจะได้ไม่เดือดร้อนจากการกระทำของเรา ไม่ว่าจะเล็กน้อยสักเท่าไหร่ก็ตาม
~ พระธรรมจะชี้ให้เห็นตามความเป็นจริงว่า อกุศลเป็นอกุศล แยบยลหลากหลายและละเอียดมากด้วย ยากที่จะรู้ได้ แต่ปัญญาสามารถรู้ทุกอย่างถูกต้องตามความเป็นจริงได้ ขณะนั้นเบิกบานที่ได้รู้ความจริงและได้พ้นจากการไม่รู้ความจริง
~ กุศลกรรม ไม่หักประโยชน์ใดๆ เลย ในขณะที่กุศลกรรมเกิด มีการช่วยเหลือเกื้อกูลเป็นประโยชน์ทั้งตนเองและบุคคลอื่น และเวลาที่กุศลกรรมให้ผล ก็ย่อมนำมาซึ่งทรัพย์สมบัติ สิ่งของให้เป็นของของตน ซึ่งแต่ก่อนนี้ไม่ใช่ของตนเลย แต่เวลาที่กุศลกรรมให้ผลขณะใด ทรัพย์สมบัติสิ่งของทั้งหลายก็เป็นของตนเมื่อนั้น
~ เป็นผู้ที่ว่าง่าย เป็นผู้ที่อดทน ที่จะเจริญกุศลทุกประการ เพื่อที่ให้พ้นจากการที่จะตกไปในทางฝ่ายอกุศล
~ ละอายไหม ที่จะมีความไม่รู้ต่อไป ฟังธรรมด้วยความเคารพหรือเปล่า ไม่เอาความเห็นส่วนตัวหรือความคิดเดิมๆ มาเปลี่ยนแปลงทำให้พระธรรมคลาดเคลื่อน แต่ต้องตรงต่อความเป็นจริงว่าฟังธรรม ตรง ต่อคำว่า ฟังธรรม
~ ขณะใดที่จิตอ่อนโยน มีความเป็นมิตร แล้วช่วยเหลือคนอื่น ขณะนั้นก็เป็นบุญ หรือเป็นกุศลจิต หรือ ขณะที่จิตอ่อนโยน สละสิ่งที่มีให้เป็นประโยชน์สุขแก่คนอื่น ขณะนั้นก็เป็นกุศลจิต
~ ความไม่ดีทั้งหมด ความไม่เป็นสุขทั้งหมดมาจากไหน ก็มาจากใจซึ่งเต็มไปด้วยกิเลส และถ้ายังคงมีกิเลสมากๆ ไม่มีทางเลยที่จะเป็นสุขกันได้ ตั้งแต่ตนเองและคนอื่นทั่วหน้า เพราะฉะนั้น ก็จะเห็นได้จริงๆ ว่า ผู้ที่ทรงตรัสรู้ ทรงรู้ว่ากิเลสเบาบางลงเท่าไหร่ ความผาสุก ความเจริญ ก็จะมีเพิ่มขึ้นเท่านั้น
~ ต้องเป็นผู้ตรงจริงๆ มีความนอบน้อมต่อพระรัตนตรัย แม้แต่พระธรรม นอบน้อมด้วยการศึกษา ด้วยการพิจารณาด้วยความละเอียด ที่จะให้ไม่บิดเบือน ไม่เข้าใจผิดในพระธรรม เพราะว่าถ้าเราเข้าใจผิด จะผิดกันไปตลอด ไม่ตรงกับที่ทรงแสดงไว้ เท่ากับไม่เคารพในพระธรรม แต่ถ้าเคารพในพระธรรม สิ่งใดที่ถูกคือถูก สิ่งใดที่ผิดคือผิด แล้วต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ
~ ธรรมที่จะเป็นที่พึ่งได้จริงๆ นั้นต้องเป็นกุศล แต่ว่ายากที่จะเกิด เพราะเหตุว่าเมื่อสะสมอกุศลมามาก ก็ย่อมมีปัจจัยให้อกุศลธรรมเกิดมากกว่ากุศลธรรม เพราะฉะนั้น ผู้ที่เห็นว่าธรรมใดเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง ก็จะเข้าใจในคุณของธรรมนั้น กล่าวคือคุณของกุศลธรรม ก็ย่อมจะเป็นปัจจัยให้ได้เจริญกุศลในชีวิตประจำวัน
~ บุคคลที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรม เพราะได้สะสมบุญในอดีตพอที่จะผันชีวิตให้มามีโอกาสได้ยินได้ฟังสิ่งที่ทำให้เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูก ซึ่งเป็นคำสอนที่ประเสริฐ เพราะมาจากการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง กุศล เป็นกุศล อกุศล เป็น อกุศล ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้ ใครๆ ก็หลอกลวงสภาพธรรมไม่ได้ เมื่ออกุศลเกิดขึ้น แม้คนนั้นจะบอกว่าเป็นกุศล ก็ไม่เป็นไปตามนั้น เพราะเป็นอกุศล จะเป็นกุศลไปได้อย่างไร
~ เมื่อมีอวิชชา (ความไม่รู้) เป็นอย่างมาก แล้วจะให้ปัญญาเจริญขึ้นมากๆ ในทันทีทันใด ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
~ ฟังให้เข้าใจว่าขณะนี้เป็นธรรม เมื่อไม่ขาดการฟัง ความเข้าใจก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น การฟังพระธรรม เป็นเหตุให้ปัญญาเจริญขึ้น ขอเพียงไม่ปล่อยมือจากพระธรรม
~ ต้องเป็นผู้ที่ไม่ประมาท แล้วก็เห็นโทษเห็นภัยของอกุศลจริงๆ ว่า ถ้าวันนี้ยังไม่เห็นโทษของอกุศลแม้เพียงเล็กน้อย วันต่อๆ ไป อกุศลก็ย่อมเพิ่มพูนขึ้น
~ ยิ่งรู้ว่าอกุศลมากเท่าไหร่ เกิดมาเพื่อที่จะขัดเกลากิเลส โดยการที่ว่าถ้าไม่มีปัญญา ก็ไม่สามารถที่จะขัดเกลาได้ และปัญญาเพียงเล็กน้อย ก็ไม่สามารถที่จะละอกุศลซึ่งมีกำลัง ที่จะเกิดบ่อยมากกว่า ด้วยเหตุนี้ จึงเข้าใจคำว่าบารมี (ความดีที่ทำให้ถึงฝั่งของการดับกิเลส) แม้เพียงเล็กน้อยนิดหน่อย ก็สามารถที่จะลดปริมาณจำนวนของอกุศล ซึ่งถ้ากุศลไม่เกิด ก็เป็นอกุศล
~ ถ้าจะพิจารณาให้เห็นสภาพธรรมในความไม่มีสาระ ชาติก่อนๆ จะเคยสุขสำราญ จะเคยมีปราสาทราชวัง จะมีผู้ที่ผูกโกรธ อาฆาต ริษยาต่างๆ ก็ผ่านไปแล้วหมด ไม่มีอะไรเหลือจริงๆ ชาติก่อนเป็นอย่างนั้นฉันใด ชาตินี้ก็เป็นอย่างนั้นแหละ และชาติต่อๆ ไปก็จะเป็นอย่างนี้
~ ปิยวาจา (คำพูดที่น่ารัก ไพเราะ อ่อนหวาน) ใครสอน? พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ทรงเว้นเลยที่จะให้กิเลสเกิดพอกพูนมากๆ แต่ทุกอย่างเป็นเครื่องขัดเกลาทั้งหมด วาจาที่น่าฟัง ฟังแล้วก็สบายใจ เป็นประโยชน์ไหม? แล้วเราเองไม่ทำร้ายใครด้วย
~ ชาวพุทธ คือ ผู้ที่มีปัญญา เพราะได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ปัญญาทั้งหมด มาจากคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพราะฉะนั้น ชาวพุทธจริงๆ เป็นผู้มีปัญญา ไม่ใช่ผู้งมงาย ไม่ใช่ผู้เชื่อตามๆ กันไป.

ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ

ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๔๐๔


...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย mammam929  วันที่ 26 พ.ค. 2562

กราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริการวนเขตต์ผู้เมตตาถ่ายทอดพระสัทธรรมให้ผู้เห็นคุณค่าได้ศึกษาด้วยความำม่ประมาทค่ะ

กราบอนุโมทนากุศลจิตของท่านอาจารย์ทุกท่านค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย Moey_vateekarn  วันที่ 26 พ.ค. 2562

อนุโมทนา สาธุค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย มกร  วันที่ 26 พ.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

ขอเพียงไม่ปล่อยมือจากพระธรรม


ความคิดเห็น 4    โดย meenalovechoompoo  วันที่ 26 พ.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย kukeart  วันที่ 26 พ.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 6    โดย peem  วันที่ 26 พ.ค. 2562

กราบขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย jaturong  วันที่ 27 พ.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 8    โดย เจียมจิต  วันที่ 28 พ.ค. 2562

อนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย kullawat  วันที่ 28 พ.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย panasda  วันที่ 29 พ.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 11    โดย siraya  วันที่ 31 พ.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ