ทุกคนมีอัธยาสัยสะสมมาไม่เหมือนกัน บางท่านเป็นผู้ที่สะสมความเห็นถูกเข้าใจถูก เมื่อได้ฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ ก็ยิ่งทำให้เกิดความศรัทธาที่จะฟังพระธรรม ความจริงซึ่งท่านบรรยายให้เข้าใจถึงความจริงที่มีอยู่ขณะนี้ ความจริงที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ ทรงแสดงไว้ให้ได้เข้าใจ จนเป็นคำถามจากเพื่อนว่าเป็นอย่างไรบ้าง ที่นี่สอนอะไร แนวทางไหน จึงได้มาฟังที่นี่ประจำ คำถามจึงได้ถูกนำมาเรียนถามท่านอาจารย์ว่าจะเกื้อกูลเขาอย่างไร จะอธิบายให้เขาฟังอย่างไรเพื่อให้เขาเข้าใจความจริงที่กำลังมีกำลังปรากฏอยู่ตลอดในชีวิตประจำวัน
ท่านอาจารย์ตอบว่า ... ให้มาฟังเองซิคะ เป็นคำตอบที่ดีจริงๆ ที่จะเกื้อกูลให้เขาได้มีความเข้าใจถูก มีความเห็นถูกในความจริงโดยให้เขามาฟังเอง ...
ขอกราบเท้าขอบพระคุณท่านอาจารย์ค่ะ ...
ทุกคนมีอัธยาศัยสะสมมาไม่เหมือนกัน และ ธรรมะไม่สาธารณะแก่บุคคลทั่วไป ผู้ที่ได้สั่งสมไว้ดีแล้ว จึงรู้ว่าการได้พบและได้ฟังพระธรรมมีค่ากว่าสิ่งอื่นใด ในชาติหนึ่งๆ ที่ได้เกิดมาครับ
ขออนุโมทนาครับ
จากประสบการณ์ชีวิตจริง
ให้ได้แต่ต้องไม่หวัง
ทุกอย่างไม่เป็นไปตามความอยากของเรา
แม้แต่บุคคลในครอบครัวเราเอง
กว่าจะรู้สึกตัวก็กิเลสท่วมท้นเราเข้าไปแล้ว
ความเห็นต่างกัน
ทิฎฐิ มานะ เราเองก็เหนียวแน่น นับประสาอะไรกับผู้อื่น (นามธรรมเดียวกัน)
.......................
การให้ผู้ที่ยังไม่ต้องการรับ
ย่อมเห็นค่าน้อยกว่า
ผู้ที่เดินทาง ค้นหา ด้วยตัวเอง (มาเองตามเหตุปัจจัยของเขา)
แม้มาแล้วก็อาจจะไป ก็เป็นไปได้
บังคับอะไรไม่ได้เลยนะคะ
...........................
สะกิดใจ
คำกล่าวสั้นๆ ของอ.สุจินต์ในวันนั้นว่า
" สงเคราะห์คนที่มีความเห็นถูก กับ สงเคราะห์คนที่มีความเห็นผิด"
อย่างไหนมีประโยชน์กว่ากัน
.......................
ด้วยจิตคาระวะในธรรม
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา นั้น ประกอบด้วยเหตุและผล เป็นไปเพื่อการละคลายอกุศล เป็นไปเพื่อการดับกิเลส เป็นไปเพื่อการไม่เกิดอีกสิ้นทุกข์โดยประการทั้งปวง บุคคลผู้ที่ไม่มีปัญญา ย่อมไม่เห็นประโยชน์ของพระธรรมที่มีคุณค่ามากนี้ ถึงแม้ว่าจะมีผู้แนะนำในสิ่งที่ดีมีประโยชน์แก่เขาอย่างไรก็ตาม เขาย่อมไม่เห็นคุณค่า ไม่เห็นประโยชน์ ตามการสะสมของเขา แต่ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นบุคคลผู้ที่ได้สะสมเหตุที่ดีมา คือได้สะสมบุญมาตั้งแต่ชาติปางก่อนเพียงแค่ประโยคที่ว่า "มาฟังเองซิคะ" หรือ "มาฟังเองซิครับ" ก็จะเพียงพอสำหรับการเข้ามาฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมในแนวทางที่ถูกต้องได้ และในที่สุดพระธรรมก็จะเป็นประโยชน์เกื้อกูลสำหรับบุคคลนี้ได้อย่างแท้จริง ครับ (อย่างน้อยๆ เราก็พึงชักชวนเขา ถ้าเราไม่ชักชวนเขา แล้วใครจะชักชวนเขา ครับ)
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ครับ ให้มาฟังเอง ฟังเสียงพระธรรมที่ไพเราะ ดังแล้ว ได้ยินแล้ว ได้ยินอีก ได้ยินแล้ว ได้ยินอีก ได้ยินแล้ว ได้ยินอีก ฯลฯ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ .
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ