การได้ถึงฌานที่ ๔ ไม่ใช่ได้โดยง่าย โดยเฉพาะในยุคนี้ เป็นยุคกาลวิบัติ
ผู้ที่จะบำเพ็ญสมถภาวนาจนจิตสงบถึงฌานจิต ไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะไม่มีปัญญาในการอบรมสมถภาวนา และข้าศึกของฌานมีมาก คือ ในเบื้องต้นถ้าไม่มีปัญญา ไม่เข้าใจวิธีการอบรม ไม่มีผู้ที่มีปัญญาบรรลุฌานเป็นผู้สอนแนะนำ ไม่รู้ว่าตนเองจะละปลิโพธต่างๆ ได้อย่างไร ไม่รู้ว่าขณะที่หลังจากเห็น ได้ยิน เป็นต้น เป็นอกุศลอย่างไร ไม่รู้ว่าตนเองยังยินดี ติดข้องในลาภ ยศ สรรเสริญ เงินทอง กามคุณอยู่หรือเปล่า สรุปคือ ถ้ายังเป็นผู้ไม่รู้ตัวเองว่าเป็นผู้ยินดีในกามคุณ และมีอกุศลอื่นๆ อีกมากมาย เป็นต้น จะเป็นผู้บรรลุกุศลฌานที่เป็นความสงบขั้นอัปปนาสมาธิไม่ได้
ฌานจิตนี่นะคะ...ได้ก็ยาก เสื่อมก็ง่าย ยิ่งถ้าติดใจในอารมณ์ของฌานแล้วยิ่งไปกันใหญ่สู้อบรมเจริญปัญญาไม่ได้หรอกค่ะ เพราะปัญญาไม่มีวันเสื่อม จะมากหรือจะน้อยขึ้นอยู่กับการสะสม ข้อสำคัญคือไม่ควรประมาทในการอบรมเจริญปัญญา เพราะถ้าปัญญาไม่มีกำลังพอก็ย่อมพ่ายแพ้แก่กิเลสแน่นอน จะออกศึกทั้งทีก็ต้องเตรียมพร้อมใช่มั้ยคะ
... รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งค่ะ
สมัยนี้จะไปหาผู้ที่ ได้ ฌานจิตก็คงจะเจอแต่ ของปลอม อีกอย่างหนึ่ง คือ คนสมัยนี้ ยังไม่เข้าใจอัธยาศัยของตัวเอง ว่า ตัวเองนั้น ยังไม่ใช่ผู้ที่เห็นโทษของความคลุกคลีในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส ยังไม่เห็นโทษของความติดในกามคุณ 5 ไม่รู้ว่าอกุศล-จิต เกิดขึ้นเสมอเมื่อรู้อารมณ์ ทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย จึง ไม่เข้าใจ ว่า กุศลจิตที่แนบแน่นถึงขั้นอัปนาสมาธิ เป็นอย่างไร ไม่ได้ศึกษาพระธรรม จึงเป็นผู้ทรามปัญญา แยกกุศลและอกุศล ไม่ได้
ขออนุโมทนาครับ