กระผมอยากทราบว่าหลังจากที่ท่านพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว ในตอนที่พระเจ้าสุทโทธนะละสังขารและสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว พระราหุลก็บวชเป็นสามเณร ต่อมา เมืองนั้นเป็นอย่างไร ใครเป็นผู้ครองเมืองของท่านครับ
กระผมได้ศึกษาในทุกตำราแล้วแต่ไม่พบรายละเอียดตอนนี้เลย
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สำหรับประวัติเมืองกบิลพัสตร์ก็มีแสดงไว้ หลังจากที่พระโพธิสัตว์สละราชสมบัติ และ ราหุลกุมาร บวชเป็นสามเณร ก็มีเจ้าผู้ครองนคร เป็นกษัตริย์ต่างๆ เปลี่ยนกันไป ทั้งท่านพระอนุรุธะ ภัททิยะ แต่สุดท้ายก็ออกบวชกันหมด จนในที่สุด ก็มีเจ้าครองนครคนอื่นๆ สุดท้าย พระเจ้าวิฑูทภะ ก็ยกกองทัพมาฆ่า กลุ่ม เจ้าศากยะ จนแทบสิ้นราขวงศ์ และก็ไม่มีประวัติของเมืองนี้อีก ครับ
สำหรับประวัติบางส่วน อ่านจากมหาปรินิพพานสูตรได้ ครับ
สำหรับ มหาปรินิพพานสูตร หาอ่านได้ในฉบับบาลี ที่ พระไตรปิฎก ฉบับบาลี เล่มที่ 10 ของ มหามกุฎราชวิทยาลัย
สำหรับภาษาไทยอ่านได้ที่ มหาปรินิพพานสูตรได้ที่ลิ้งค์นี้ หน้านี้ ครับ
[เล่มที่ 13] พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๑ - หน้าที่ 233
หรือ จะอ่านหนังสือพระไตรปิฎก ฉบับมหามกุฎราชวิทยาลัย เล่ม 13 หน้า 233 ซึ่ง มีอรรถกถา อธิบายเพิ่มเติมด้วย ครับ
เชิญคลิกฟัง เรื่อง มหาปรินิพพานสูตร
มหาปรินิพพานสูตร - พระปัจฉิมโอวาท
มหาปรินิพพานสูตร
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ บุคคลผู้เลิศ ผู้ประเสริฐที่สุดในโลก พระองค์ทรงเป็นผู้ห่างไกลจากกิเลสโดยประการทั้งปวง (อรหันต์) ทรงตรัสรู้โดยชอบได้โดยพระองค์เอง (สัมมาสัมพุทธะ) สิ่งที่พระองค์ทรงตรัสรู้นั้น คือ อริยสัจจ์ ๔ ประการ ได้แก่ ทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ความดับทุกข์ และ หนทางที่เป็นไปเพื่อความดับทุกข์ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงทั้งหมดทุกประการ พระองค์ทรงตรัสรู้ตามความเป็นจริง เมื่อทรงตรัสรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงแล้ว ทรงมีพระมหากรุณาที่จะเกื้อกูลสัตว์โลกให้ได้เข้าใจในสิ่งที่มีจริงเหมือนอย่างที่พระองค์ทรงเข้าใจ จึงทรงแสดงพระธรรม ประกาศพระศาสนาแก่สัตว์โลก ซึ่งมีผู้ที่ได้รับประโยชน์จากพระธรรม ตามระดับขั้นของความเข้าใจของแต่ละบุคคล สามารถรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ สูงสุดถึงความเป็นพระอรหันต์ มีเป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งมนุษย์และเทวดาทั้งหลาย ตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษาแห่งการประกาศพระศาสนาคือพระธรรมคำสอนของพระองค์นั้น ตั้งแต่เริ่มแสดงพระธรรมครั้งแรกโปรดพระภิกษุปัญจวัคคีย์ จนกระทั่งเวลาที่พระองค์ใกล้จะเสด็จดับขันธปรินิพพาน เป็นไปเพื่ออุปการะเกื้อกูลแก่สัตว์โลกอย่างแท้จริง พระบารมีทั้งหมดที่พระองค์ทรงบำเพ็ญมาตลอดระยะเวลานานถึงสี่อสงไขยแสนกัปป์ ก็เพื่อที่จะอุปการะเกื้อกูลให้สัตว์โลกได้เข้าใจธรรมตามความเป็นจริง พระองค์ทรงแสดงธรรมโปรดสัตว์โลกมาโดยตลอด เวลาพักผ่อนของพระองค์น้อยมาก ทั้งหมดทั้งปวงนั้นเพื่ออุปการะเกื้อกูลแก่สัตว์โลกให้เกิดปัญญาอย่างแท้จริง และมีผู้ได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงมากมายนับไม่ถ้วน จนกระทั่งถึงวันเพ็ญเดือน ๖ ในขณะที่พระองค์ทรงมีพระชนมายุได้ ๘๐ พรรษา พระองค์ก็เสด็จดับขันธปรินิพพาน เป็นการตายครั้งสุดท้ายของพระองค์ ซึ่งไม่มีการเกิดอีกในสังสารวัฏฏ์
พระธรรมเป็นศาสดาแทนพระองค์ ผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม ด้วยความตั้งใจ ก็ย่อมจะได้รับประโยชน์จากพระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงตามกำลังปัญญาของตนเอง ซึ่งเป็นการยากมากที่จะได้ฟัง เพราะฉะนั้นแล้ว พระธรรมแต่ละคำ ซึ่งเกิดจากการตรัสรู้ของพระองค์นั้น ควรค่าแก่การศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เมื่อเริ่มฟัง เริ่มศึกษาความรู้ความเข้าใจก็จะค่อยๆ เจริญขึ้นไปตามลำดับ ครับ
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สิ่งที่ควรศึกษาเป็นอย่างยิ่ง ก็คือ พระธรรมคำสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง ซึ่งเกิดจากการทรงตรัสรู้ของพระองค์ เป็นมรดกที่ล้ำค่าที่พระองค์ทรงมอบไว้ให้กับพุทธบริษัท ซึ่งจะเป็นประโยชน์เกื้อกูลสำหรับผู้ที่เห็นประโยชน์ มีศรัทธาที่จะฟังที่จะศึกษา เท่านั้นจริงๆ ไม่ได้เป็นประโยชน์แก่ผู้ไม่ได้ศึกษาเลย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
พระพุทธเจ้าปรินิพพานที่กุสินารา เป็นที่ที่จะไม่เกิดอีก เป็นที่ที่ควรจะไปเพื่อเป็นเครื่องเตือนให้รู้ว่า แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังต้องปรินิพพาน ค่ะ
ขออนุโมทนาครับ