พ่อของเราเสียชีวิตไปนานแล้ว แต่ตอนนี้เรารู้สึกอยากจะทำบุญกุศลต่างๆ ให้ดีที่สุด และอยากจะแบ่งบุญกุศลนั้น ให้พ่อของเรา แต่เราก็ไม่รู้นะว่า พ่อของเรา สามารถรับบุญกุศลนั้นได้หรือเปล่านะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
สำหรับผู้ที่จากโลกนี้ไปแล้ว สิ่งที่สมควรที่จะกระทำต่อผู้ที่ล่วงลับไป คือ การทำบุญ อุทิศส่วนกุศล ให้ท่าน ซึ่งบิดามารดาที่ล่วงลับไปแล้ว หน้าที่ของบุตร ประการหนึ่ง คือ ทำบุญและอุทิศกุศลไปให้
ส่วนผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว จะได้รับส่วนกุศลหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการเกิดใหม่ ของผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ว่าอยู่ในฐานะอันสมควรที่จะรับกุศลหรือไม่ คือ ถ้าเกิดเป็นเปรต ก็สามารถรับส่วนกุศลของญาติที่อุทิศให้ได้ แต่ถ้าเกิดเป็น มนุษย์ สัตว์เดรัจฉาน และสัตว์นรก ก็ไม่สามารถจะได้รับส่วนบุญ ครับ
แต่อย่างไรก็ตาม บิดามารดา และญาติของเรา ไม่ใช่มีเพียงบิดามารดาและญาติในชาตินี้ ที่ล่วงลับไป ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลที่ไม่เคยเป็นญาติกัน หาได้ยาก คือ เคยเป็นญาติกันมาหมดแล้ว เพราะฉะนั้น ก็มีญาติ ที่เกิดเป็นเปรต ในขณะนี้ มากมาย จึงสมควรที่จะทำบุญ อุทิศส่วนกุศลให้ญาติทั้งหลาย ทั้งญาติและบิดามารดาที่ล่วงลับไปแล้วในปัจจุบันชาติ และญาติ บิดามารดาในอดีตก่อนๆ ทั้งหมด ก็ควรอุทิศให้ เพราะย่อมเป็นประโยชน์กับพวกเขาทั้งหลาย ส่วนใครจะได้รับหรือไม่ ก็ไม่สามารถรู้ได้ แต่ที่สำคัญ เราได้ทำหน้าที่ ที่สมบูรณ์และถูกต้องแล้ว ส่วนผู้อื่นจะเป็นอย่างไรนั้น ก็แล้วแต่กรรมของสัตว์ทั้งหลาย เพราะสัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของๆ ตน
ปัจจุบันชาติขณะนี้ ผู้ที่ยังมีผู้มีพระคุณ มี มารดาบิดา เป็นต้น ก็ควรปฏิบัติหน้าที่อันสมควร ที่บุตรพึงมีต่อบิดามารดา มีการเลี้ยงดูท่าน ช่วยเหลือกิจการงานเป็นต้น เพราะชีวิตของแต่ละคนก็เหลือน้อย ไม่รู้ว่า เราหรือผู้มีพระคุณ จะจากไป ในเมื่อพบกันในช่วงเวลาหนึ่งในสังสารวัฏฏ์ ก็ควรทำดีต่อกันเท่าที่ทำได้ ส่วนความไม่ดีของแต่ละคนก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง สำคัญที่เราปฏิบัติหน้าที่ให้เหมาะสม ก็จะได้ชื่อว่าเป็นผู้มีความดี ความกตัญญู ต่อผู้มีพระคุณ และสะสมอุปนิสัยที่ดีต่อไปในอนาคตกาล เมื่อยังมีชีวิตอยู่ก็ทำดีต่อกัน จากไปก็จะไม่เดือดร้อนใจในภายหลัง และไม่ลืมวันพ่อ วันนี้ ที่จะทำให้ระลึกถึงคุณความดี ตอบแทนผู้มีพระคุณ ทั้งในวันนี้และวันต่อไป ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน และ ผู้ถาม ครับ
ชีวิตของแต่ละคนก็เหลือน้อย ไม่รู้ว่า เราหรือผู้มีพระคุณจะจากไป ในเมื่อพบกันในช่วงเวลาหนึ่งในสังสารวัฏฏ์ ก็ควรทำดีต่อกันเท่าที่ทำได้
ขอบพระคุณและอนุโมทนาสำหรับข้อความที่ช่วยเตือนสติค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ชีวิตในแต่ละภพ ในแต่ละชาติสั้นมาก เกิดมาแล้ว ก็ต้องจากโลกนี้ไปด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีใครรอดพ้นแม้แต่คนเดียว ความตายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องประสบ จะเร็วหรือช้าเท่านั้นเอง มารดาบิดา ย่อมทอดทิ้งบุตร บุตรย่อมทอดทิ้งมารดาบิดา ด้วยความตายที่เกิดขึ้น ทำให้พลัดพรากจากกันและกัน ตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่ ก็ยังต้องเกิด สังสารวัฏฏ์ก็ดำเนินต่อไป ช่วงเวลาที่ประเสริฐที่สุด ก็คือ ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ได้สะสมความดีประการต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญา และกุศลที่ได้กระทำแล้ว ยังสามารถอุทิศ เพื่อประโยชน์แก่คนอื่นเกิดกุศลจิตอนุโมทนาได้ด้วย ซึ่งเมื่อกล่าวโดยสรุปแล้ว กุศลธรรมเท่านั้น ที่จะเป็นที่พึ่งได้ เป็นไปเพื่อขัดเกลากิเลสของตนเอง เพราะสิ่งที่ไม่ดีของตนเอง ใครๆ ก็ขัดเกลา หรือนำออกให้ ไม่ได้ ก็ต้องเป็นกุศลธรรมของตนๆ เท่านั้นจริงๆ ส่วนอกุศล เป็นที่พึ่งไม่ได้เลย ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
การอุทิศส่วนกุศลให้พ่อ การจะได้รับ หรือ ไม่ได้รับก็ขึ้นอยู่กับภพภูมิที่เขาเกิด แต่ถึงแม้เขาจะไม่ได้รับ การอุทิศกุศลก็เป็นบุญของผู้อุทิศ เพราะเป็นหนึ่งในบุญญกิริยาวัตถุ ๑๐ อย่าง ค่ะ
ขอขอบคุณ คุณpaderm และ คุณkhampan มากๆ นะคะ ที่ช่วยกันอธิบายเรื่องต่างๆ ให้รู้และเข้าใจ และทำให้เรารู้สึกว่าเราควรที่จะพยายามทำดีกับทุกคน
ขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ