มหาโกฏฐิตเถราปทานที่ ๗ (๕๓๗) ว่าด้วยบุพจริยาของมหาโกฏฐิตเถระ
โดย บ้านธัมมะ  30 พ.ย. 2564
หัวข้อหมายเลข 41544

[เล่มที่ 72] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 292

เถราปทาน

กัจจายนวรรคที่ ๕๔

มหาโกฏฐิตเถราปทานที่ ๗ (๕๓๗)

ว่าด้วยบุพจริยาของมหาโกฏฐิตเถระ


อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 72]



ความคิดเห็น 1    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 23 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 292

มหาโกฏฐิตเถราปทานที่ ๗ (๕๓๗)

[๑๒๗] ในแสนกัปนับจากภัทรกัปนี้ไป พระพิชิตมารพระนามว่าปทุมุตตระ ผู้รู้แจ้ง โลกทั้งปวง เป็นมุนีมีจักษุ ได้เสด็จอุบัติขึ้น แล้ว

พระองค์ตรัสสอน ทรงแสดงให้สัตว์รู้ ชัดได้ ทรงยังสรรพสัตว์ให้ข้ามวัฏสงสาร ทรง ฉลาดในเทศนา เป็นผู้เบิกบาน ทรงช่วยให้ ประชุมชนข้ามพ้นไปเสียเป็นอันมาก

พระองค์เป็นผู้อนุเคราะห์ ประกอบด้วย พระกรุณา แสวงหาประโยชน์ให้สรรพสัตว์ ยัง เดียรถีย์ที่มาเฝ้าให้ดำรงอยู่ในเบญจศีลได้ทุกคน

เมื่อเป็นเช่นนี้ พระศาสนาจึงไม่มีความ อากูล ว่างสูญจากเดียรถีย์ วิจิตรด้วยพระอรหันต์ ผู้คงที่มีความชำนิชำนาญ

พระมหามุนีพระองค์นั้น สูงประมาณ ๕๘ ศอก พระฉวีวรรณงามคล้ายทองคำอันล้ำค่า มีพระลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ ประการ

ครั้งนั้นอายุของสัตว์แสนปี พระชินสีห์ พระองค์นั้น เมื่อดำรงพระชนม์อยู่ โดยกาล


ความคิดเห็น 2    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 23 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 293

ประมาณเท่านั้น ได้ทรงยังประชุมชนเป็นอันมาก ให้ข้ามพ้นวัฏสงสารไปได้

ครั้งนั้น เราเป็นพราหมณ์ผู้เรียนจบ ไตรเพท ชาวพระนครหังสวดี ได้เข้าไปเฝ้า พระพุทธเจ้าผู้เลิศกว่าโลกทั้งปวง แล้วสดับพระธรรมเทศนา

ครั้งนั้น พระธีรเจ้าพระองค์นั้น ทรง ตั้งสาวกผู้แตกฉานในปฏิสัมภิทา ฉลาดในอรรถ ธรรม นิรุตติและปฏิภาณ ในตำแหน่งเอตทัคคะ เราได้ฟังดังนั้นแล้วก็ชอบใจ จึงได้นิมนต์พระชินวรเจ้าพร้อมด้วยพระสาวก ให้ครองผ้าแล้ว ถึง ๗ วัน

ในกาลนั้น เรายังพระพุทธเจ้าผู้เปรียบ ด้วยสาคร พร้อมทั้งพระสาวก ให้ครองผ้าแล้ว หมอบลงแทบบาทมูล ปรารถนาฐานันดรนั้น

ลำดับนั้น พระพุทธเจ้าผู้เลศกว่าโลกได้ ตรัสว่า จงดูพราหมณ์ผู้สูงสดที่หมอบอยู่แทบเท้า ผู้นี้มีรัศมีเหมือนกลับดอกบัว พราหมณ์นี้ปรารถนา ตำแหน่งแห่งภิกษุผู้แตกฉาน ซึ่งเป็นตำแหน่ง ประเสริฐสุด เพราะการบริจาคทานด้วยศรัทธา นั้นและเพราะการสดับพระธรรมเทศนา


ความคิดเห็น 3    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 23 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 294

พราหมณ์นี้จักเป็นผู้ถึงสุขในทุกภพ เที่ยว ไปในภพน้อยภพใหญ่ จักได้สมมโนรถเช่นนี้

ในกัปนับแต่นี้ขึ้นไปแสนหนึ่ง พระศาสดามีพระนามชื่อว่าโคดม ซึ่งสมภพในวงศ์ พระเจ้าโอกกากราช จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก

พราหมณ์นี้จักเป็นธรรมทายาทของพระพราหมณ์นี้จักเป็นธรรมทายาทของพระศาสดาพระองค์นั้น จักเป็นโอรสอันธรรมเนรมิต เป็นสาวกของพระศาสดา มีนามชื่อว่า โกฏฐิตะ

เราได้ฟังพระพุทธพยากรณ์นั้นแล้ว เป็น ผู้เบิกบาน มีใจยินดี บำรุงพระชินสีห์เจ้าตราบ เท่าสิ้นชีวิต ในกาลนั้น เพราะเราเป็นผู้มีสติ ประกอบด้วยปัญญา ด้วยผลของกรรมนั้น และด้วยการตั้งเจตน์จำนงไว้ เราละร่างมนุษย์ แล้ว ได้ไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

เราได้เสวยราชสมบัติ ในเทวโลก ๓๐๐ ครั้งได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ๕๐๐ ครั้งและได้เป็น พระเจ้าประเทศราชอันไพบูลย์โดยคณนานับมิได้ เพราะกรรมนั้นนำไป เราจึงเป็นผู้ถึงความสุขใน ทุกภพ

เราท่องเที่ยวไปแต่ในสองภพ คือใน เทวดาและมนุษย์ คติอื่นเราไม่รู้จัก นี้เป็นผล แห่งกรรมที่สั่งสมไว้ดีแล้ว


ความคิดเห็น 4    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 23 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 295

เราเกิดแต่ในสองสกุล คือสกุลกษัตริย์ และสกุลพราหมณ์ หาเกิดในสกุลต่ำทรามไม่ นี้ เป็นผลแห่งกรรมที่สั่งสมไว้ดีแล้ว

เมื่อถึงภพสุดท้าย เราเป็นบุตรของ พราหมณ์ เกิดในสกุลที่มีทรัพย์สมบัติมาก ใน พระนครสาวัตถี มารดาของเราชื่อจันทวดี บิดาชื่อ อสัสลายนะ ในคราวที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำ บิดาเรา เพื่อความบริสุทธิ์ทุกอย่าง

เราเลื่อมใสในพระสุคตเจ้า ได้ออกบวช เป็นบรรพชิต พระโมคคัสลานะ เป็นอาจารย์ พระสารีบุตร เป็นอุปัชฌาย์ เราตัดทิฏฐิพร้อมด้วยมูลรากเสียได้ในเมื่อ กำลังปลงผม และเมื่อกำลังนุ่งผ้ากาสาวะ ก็ได้ บรรลุพระอรหัต

เรามีปรีชาแตกฉานในอรรถ ธรรม นิรุตติ และปฏิภาณ ฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าผู้เลิศกว่า โลก จึงทรงตั้งเราไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ

เราอันท่านพระอุปติสสะไต่ถามในปฏิ- สัมภิทา ก็แก้ได้ไม่ขัดข้อง ฉะนั้น เราจึงเป็น ผู้เลิศในพระพุทธศาสนา


ความคิดเห็น 5    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 23 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 296

เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ... คำสอน ของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.

ทราบว่า ท่านพระมหาโกฏฐิตเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย ประการฉะนี้แล.

จบมหาโกฏฐิเถราปทาน

๕๓๗. อรรถกถามหาโกฏฐิกฺเถราปทาน (๑)

พึงทราบเรื่องราวในอปทานที่ ๗ ดังต่อไปนี้ :-

อปทานของท่านพระมหาโกฏฐิกเถระ มีคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน ดังนี้.

มีเรื่องเกิดขึ้นอย่างไร? แม้พระเถระรูปนี้ ก็ได้เคยบำเพ็ญกุศลมา แล้ว ในพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ ได้สั่งสมบุญอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพานไว้เป็นอันมากในภพนั้นๆ ในกาลแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ ท่านได้บังเกิดในตระกูลที่มีโภคะมากในหังสวดีนคร บรรลุนิติ- ภาวะแล้ว พอมารดาล่วงลับไปแล้ว ดำรงตำแหน่งกุฎุมพีอยู่ครองฆราวาส. วันหนึ่งในเวลาที่พระมีพระภาคเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระทรงแสดงธรรม เขา ได้มองเห็นชาวหังสวดีนคร ถือของหอมและระเบียบดอกไม้เป็นต้น ซึ่งกำลัง นอบน้อม น้อมกายไปในที่เป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า พระธรรม และ พระสงฆ์จึงเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าพร้อมกับคนเหล่านั้นด้วย ได้เห็นภิกษุ รูปหนึ่งซึ่งพระศาสดาทรงสถาปนาเธอไว้ในตำแหน่งที่เลิศกว่าพวกภิกษุผู้บรรลุ


๑. บาลีเป็น มหาโกฏฐิเตเถราปทาน


ความคิดเห็น 6    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 23 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 297

ปฏิสัมภิทาจึงคิดว่า ภิกษุรูปนี้ เยี่ยมยอดกว่าพวกภิกษุผู้บรรลุปฏิสัมภิทาใน พระศาสนานี้ ถ้าแม้ไฉนเราพึงเป็นผู้ยอดเยี่ยม กว่าพวกภิกษุผู้บรรลุปฏิสัมภิทา เหมือนดังภิกษุรูปนี้บ้าง ในพระศาสนาของพระพุทธเจ้าสักพระองค์หนึ่ง ดังนี้ ในเวลาจบเทศนาของพระศาสดา เมื่อบริษัทลุกไปแล้ว จึงเข้าไปใกล้พระผู้มี พระภาคเจ้าแล้วกราบทูลนิมนต์ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พรุ่งนี้ขอนิมนต์ รับภิกษาที่เรือนของข้าพระองค์ พระเจ้าข้า. พระศาสดาทรงรับนิมนต์ แล้ว. เขาถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว ทำประทักษิณแล้ว กับไปยัง เรือนของตน เอาของหอมและระเบียบดอกไม้เป็นต้น ประดับที่ที่ประทับนั่ง ของพระพุทธเจ้า และที่นั่งของภิกษุสงฆ์ตลอดทั้งคืนยังรุ่งแล้ว ให้คนจัดแจง ขาทนียะและโภชนียะ ณ ที่อยู่ของตน พอล่วงราตรีนั้นไป ได้นิมนต์พระศาสดา ซึ่งมีภิกษุแสนรูปเป็นบริวารให้ฉันข้าวสาลีอันมีกลิ่นหอม พร้อมทั้งสูปะ และพยัญชนะ อันเป็นบริวารของยาคูและของเคี้ยวนานาชนิด ในเวลาเสร็จ ภัตรกิจ คิดว่า เราจะขอปรารถนาตำแหน่งให้ยิ่งใหญ่แล แต่เราไม่ควรถวาย ทานเพียงวันเดียวเท่านั้น ควรถวายทานตลอด ๗ วัน ตามลำดับเพื่อปรารถนา ตำแหน่งนั้น แล้วจึงจักปรารถนา. เขาได้ถวายมหาทานตลอด ๗ วัน โดย ทำนองนั้นนั่นแล ในเวลาเสร็จภัตรกิจ ให้คนเปิดโรงเก็บผ้าแล้ว วางผ้า เนื้อละเอียดชนิดเยี่ยมซึ่งเพียงพอทำเป็นไตรจีวรได้ ณ ที่บาทมูลของพระพุทธเจ้า และได้ถวายไตรจีวรแก่ภิกษุแสนรูปแล้ว เข้าไปใกล้พระตถาคตเจ้า หมอบลงที่บาทมูลของพระศาสดาแล้วตั้งความปรารถนาว่า ข้าแต่พระองค์ผู้ เจริญภิกษุรูปใดที่พระองค์ทรงสถาปนาไว้ในตำแหน่งที่เลิศกว่าพวกภิกษุผู้ปฏิ- สัมภิทาในวันที่ ๗ นับแต่วันนี้ แม้ข้าพระองค์ก็พึงเป็นเหมือนภิกษุรูปนั้นบ้าง


ความคิดเห็น 7    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 23 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 298

คือ ขอให้ได้บวชในพระศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้จะทรงอุบัติในอนาคตกาล แล้ว พึงเป็นผู้เลิศกว่าพวกภิกษุผู้บรรลุปฏิสัมภิทาเถิด. พระศาสดาทรงทราบ ถึงความสำเร็จของเขา จึงทรงพยากรณ์ว่า ในอนาคตกาล คือในที่สุดแห่ง แสนกัปแต่นี้ไป พระพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม จักทรงอุบัติขึ้นในโลก ความ ปรารถนาของเธอ จักสำเร็จในพระศาสนาของพระโคดมพุทธเจ้าพระองค์นั้น และ เขากระทำบุญไว้ในที่นั้นเป็นอันมากจนตลอดอายุ จุติจากอัตภาพนั้น แล้ว ได้เสวยเทวสมบัติวนเวียนอยู่ในเทวโลกและมนุษยโลก

เขาท่องเที่ยวไปในเทวโลกและมนุษย์โลกอย่างนั้น ได้รวบรวมสั่งสม บุญสมภารไว้ในภพนั้นๆ ในพุทธุปบาทกาลนี้ ได้บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ มหาศาลในกรุงสาวัตถี. มารดาบิดาได้ตั้งชื่อเขาว่าโกฏฐิกะ. หากจะมีคำถาม ว่า ทำไมไม่ดังชื่อตามมารดา หรือ ตามฝ่ายญาติมีปู่ ตา เป็นต้น เพราะ เหตุไรจึงพากันตั้งชื่ออย่างนั้นเล่า. บัณฑิตพึงทราบคำตอบว่า มารดาบิดาได้ ตั้งชื่อเขาตามความหมายว่า เป็นผู้ทำชนที่ตนเห็นแล้ว เห็นแล้วให้หลบซ่อน เที่ยวเจาะแทงด้วยหอกคือปาก เพราะว่าตนเป็นผู้ฉลาด ในเวทางคศาสตร์ ในตักกศาสตร์ของคนและของผู้อื่น ในนิฆัณฑุศาสตร์ เกฏุภศาสตร์ของตน ในประเภทแห่งอักษรสมัยของตน และในการพยากรณ์ทั้งหมดแล. เขาเจริญ วัยแล้วเล่าเรียนไตรเพทจนถึงความสำเร็จในศิลปของพราหมณ์ วันหนึ่งเข้าไป เฝ้าพระศาสดาฟังธรรมแล้ว ได้มีศรัทธาบวช ตั้งแต่เวลาได้อุปสมบทแล้ว ก็บำเพ็ญวิปัสสนากัมมัฎฐาน ได้บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา ๔ เป็น ผู้เชี่ยวชาญในการประพฤติในปฏิสัมภิทา ไม่กลัว แม้เข้าไปหาพระมหาเถระก็


ความคิดเห็น 8    โดย บ้านธัมมะ  วันที่ 23 มี.ค. 2565

พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๙ ภาค ๑ - หน้า 299

ถามปัญหา เข้าไปเฝ้าพระทศพลแล้วก็ยังถามปัญหาในปฏิสัมภิทา ๔ นั่นแล. พระเถระรูปนี้ กลายเป็นผู้เลิศกว่าพวกภิกษุผู้บรรลุปฏิสัมภิทาได้ ก็เพราะ ท่านได้สั่งสมบุญไว้ในปฏิสัมภิทานั้น และเพราะท่านชำนาญในการประพฤติ ปฏิสัมภิทานั้น. ลำดับนั้น พระศาสดาได้ทรงการทำมหาเวทัลลสูตรให้เป็น อัตถุปัตติเหตุแล้ว ทรงสถาปนาท่านไว้ในตำแหน่งที่เลิศกว่าพวกภิกษุผู้บรรลุ ปฏิสัมภิทา และตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มหาโกฏฐิกะนี้ เป็นผู้เลิศกว่า พวกภิกษุสาวกของเราผู้บรรลุปฏิสัมภิทาแล.

สมัยต่อมา ท่านเมื่อได้เสวยความสุขอันเกิดแต่ก็วิมุตติ เกิดความ โสมนัสใจ เมื่อจะประกาศถึงเรื่องราวที่ได้ประพฤติมาแล้วในกาลก่อน ของตน จึงกล่าวคำเริ่มต้นว่า ปทุมุตฺตโร นาม ชิโน ดังนี้. คำนั้นทั้งหมด มีเนื้อความง่ายทั้งนั้น เพราะมีนัยดังที่ข้าพเจ้าได้กล่าวไว้แล้วในหนหลังแล. คำว่า สุทํ ในบทว่า อิตฺถํ สุทมายสฺมา มหาโกฏฺฐิโก นิ เป็นนิบาตใช้ลงใน การชี้แจงแสดงตัวอย่าง. คำว่า อายสฺมา เป็นความเรียกโดยความเคารพอย่างยิ่ง เหมือนดังคำว่า อายสฺมา มหาโมคฺคลฺลาโน ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ดังนี้แล.

จบอรรถกถามหาโกฏฐิกเถราปทาน