[เล่มที่ 49] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 572
มหาวรรคที่ ๔
๑๑. ปาฏลีปุตตเปตวัตถุ
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 49]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 572
๑๑. ปาฏลีปุตตเปตวัตถุ
เวมานิกเปรตตนหนึ่งได้กล่าวกะหญิงมนุษย์คนหนึ่งว่า :-
[๑๓๑] สัตว์นรกบางพวกท่านก็เห็นแล้ว สัตว์เดียรัจฉาน เปรต อสูร มนุษย์ หรือเทวดาบางพวกท่านก็เห็นแล้ว ผลกรรมของตนท่านก็เห็นประจักษ์ด้วยตนเองแล้ว เราจักนำท่านไปส่งยังเมืองปาฏลีบุตร ท่านไปถึงเมืองปาฏลีบุตรแล้ว จงทำกรรมอันเป็นกุศลให้มาก.
เมื่อหญิงนั้นได้ฟังดังนั้นแล้ว มีความปลื้มใจ จึงกล่าวตอบว่า :-
ข้าแต่เทพเจ้าผู้อันบุคคลพึงบูชา ท่านปรารถนาความเจริญแก่ดิฉัน ปรารถนาประโยชน์เกื้อกูลแก่ดิฉัน ดิฉันจักทำตามคำของท่าน ท่านเป็นอาจารย์ของดิฉัน สัตว์นรกบางพวก ดิฉันก็เห็นแล้ว สัตว์เดียรัจฉาน เปรต อสูร มนุษย์ หรือเทวดาบางพวกดิฉันก็เห็นแล้ว ผลกรรมของตนดิฉันก็ได้เห็นเองแล้ว ดิฉันจักทำบุญให้มาก.
จบ ปาฏลีปุตตเปตวัตถุที่ ๑๑
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 573
อรรถกถาปาฏลีปุตตเปตวัตถุที่ ๑๑
เมื่อพระศาสดาประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภวิมานเปรตตนหนึ่ง จึงตรัสคาถานี้มีคำเริ่มต้นว่า ทิฏฺา ตยา นิรยา ติรจฺฉานโยนิ ดังนี้
ได้ยินว่าพ่อค้าชาวกรุงสาวัตถีและชาวกรุงปาฏลีบุตรเป็นอันมาก แล่นเรือไปยังสุวรรณภูมิ. บรรดาพ่อค้าเหล่านั้น พ่อค้าคนหนึ่งเป็นอุบาสกเกิดป่วยไข้ มีจิตปฏิพัทธ์ในมาตุคาม ได้ทำกาละแล้ว. เขาแม้ได้ทำกุศลไว้ก็ไม่เข้าถึงเทวโลก เกิดเป็นวิมานเปรตในท่ามกลางมหาสมุทร เพราะเป็นมีจิตปฏิพัทธ์ในหญิง. ก็หญิงที่เขามีจิตปฏิพัทธ์นั้น ขึ้นเรือไปยังสุวรรณภูมิ. ลำดับนั้น เปรตนั้นประสงค์จะจับหญิงนั้น จึงปิดกั้นไม่ให้เรือไป. ลำดับนั้น พ่อค้าทั้งหลายพิจารณากันว่า เพราะเหตุอะไรหนอ เรือนี้จึงไม่แล่น จึงให้จับสลากคนกาฬกิณี สลากได้ถึงหญิงนั้นนั่นแหละถึง ๓ ครั้ง โดยความสำเร็จของอมนุษย์. พวกพ่อค้าเห็นหญิงที่เขามีจิตปฏิพัทธ์นั้น จึงให้หย่อนแพไม้ไผ่ลงในสมุทร ให้หญิงนั้นลงไปอยู่บนแพไม้ไผ่นั้น. พอหญิงนั้นลงไปเรือก็แล่นบ่ายหน้าไปยังสุวรรณภูมิโดยเร็ว. อมนุษย์ยกหญิงนั้นขึ้นยังวิมานของตน อภิรมย์กับหญิงนั้น.
ครั้นล่วงไป ๑ ปี หญิงนั้นเกิดเบื่อหน่าย เมื่อจะขอร้องเปรตนั้น จึงกล่าวว่า ดิฉันอยู่ในที่นี้ก็ไม่ได้เพื่อสร้างประโยชน์ใน
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 574
สัมปรายภพ ดีละท่านผู้นิรทุกข์ ขอท่านจงนำข้าพเจ้าไปเมืองปาฏลีบุตร. เปรตนั้นถูกหญิงนั้นอ้อนวอน จึงกล่าวคาถาว่า :-
สัตว์นรกบางพวกท่านก็เห็นแล้ว สัตว์เดียรัจฉาน เปรต อสุรกาย มนุษย์หรือเทวดาบางพวก ท่านก็เห็นแล้ว ผลกรรมของตนท่านก็เห็นประจักษ์ด้วยตนเองแล้ว เราจะนำท่านไปส่งยังเมืองปาฏลีบุตร ท่านไปถึงเมืองปาฏลีบุตรแล้ว จงทำกุศลธรรมให้มากเถิด.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ทิฏฺา ตยา นิรยา ได้แก่ แม้เฉพาะสัตว์นรกบางพวก ท่านก็เห็นแล้ว. บทว่า ติรจฺฉานโยนิ มีวาจาประกอบความว่า แม้สัตว์ดิรัจฉานมี นาคและครุฑเป็นต้น ผู้มีหิวกระหายเป็นต้น. บทว่า อสุรา ได้แก่ อสูร ชนิดกาลกัญชิกาสูร เป็นต้น. บทว่า เทวา ได้แก่ เทพชั้นจาตุมมหาราชบางพวก. ได้ยินว่าเปรตนั้น พาหญิงนั้นเที่ยวแสดงปัจเจกนรกเป็นต้น ในระหว่างๆ ด้วยอานุภาพของตน ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวอย่างนี้. บทว่า สยมทฺทส กมฺมวิปากมตฺตโน ความว่า หญิงนั้น ไปเห็นสัตว์นรกเป็นต้นโดยพิเศษ ก็ได้เห็นประจักษ์ซึ่งวิบากกรรมที่ตนทำไว้ด้วยตนเอง. บทว่า เนสฺสามิ ตํ ปาฏลิปุตฺตมกฺขตํ ความว่า บัดนี้เราจักนำท่านอันใครป้องกันไม่ได้ ไปยังเมืองปาฏลีบุตร โดยร่างของมนุษย์นั่นแล. แต่ท่านครั้นไปถึงเมืองปาฏลีบุตรแล้ว
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 575
จงทำกุศลกรรมให้มาก อธิบายว่า เจ้าจงเป็นผู้ประกอบขวนขวายยินดีในบุญ เพราะเจ้าเห็นวิบากของกรรมโดยประจักษ์แล้ว.
ลำดับนั้น หญิงนั้น ครั้นได้ฟังคำของเปรตนั้นแล้ว มีความดีใจ กล่าวคาถาว่า :-
ข้าแต่เทพเจ้าผู้อันบุคคลพึงบูชาท่าน ปรารถนาความเจริญแก่ดิฉัน ปรารถนาประโยชน์เกื้อกูลแก่ดิฉัน ดิฉันจักทำตามคำของท่าน ท่านเป็นอาจารย์ของดิฉัน สัตว์นรกบางพวก ดิฉันก็เห็นแล้ว สัตว์ดิรัจฉาน เปรต อสูร มนุษย์ หรือเทพดาบางพวก ดิฉันก็เห็นแล้ว ผลกรรมของตน ดิฉันก็ได้เห็นด้วยตนเองแล้ว ดิฉันจักทำบุญไว้ให้มาก.
ลำดับนั้น เปรตนั้นจึงพาหญิงนั้นไปทางอากาศ พักไว้ในท่ามกลางเมืองปาฏลีบุตร แล้วก็หลีกไป. ลำดับญาติและมิตรเป็นต้น ของหญิงนั้น เห็นเปรตนั้นแล้ว ดีใจยิ่งนักว่า เมื่อก่อนพวกเราได้ฟังมาว่า เจ้าถูกเขาโยนลงไปในมหาสมุทรตายแล้ว เจ้านั้นคือหญิงนี้แหละ พวกเราเห็นแล้วหนอ มาโดยสวัสดี แล้วมาประชุมกัน ถามถึงประวัติของนาง. จำเดิมแต่นั้น นางก็ได้เล่าเรื่องทั้งหมดที่ตนเห็นและที่ตนเสวยมาแก่พวกญาติและมิตรเป็นต้นนั้น พ่อค้าชาวกรุงสาวัตถีเหล่านั้น เข้าไปเฝ้าพระศาสดาในเวลาที่ได้ถึงกรุงสาวัตถี โดยลำดับ ถวายบังคมแล้ว นั่ง ณ ที่ส่วนข้างหนึ่ง
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้า 576
กราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า. พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกระทำเรื่องนั้นให้เป็นอัตถุปปัตติเหตุ จึงแสดงธรรมแก่บริษัท ๔ มหาชนได้ฟังธรรมนั้นแล้ว เกิดความสังเวช ได้ยินดีในกุศลธรรม มีทานเป็นต้น ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาปาฏลีปุตตเปตวัตถุที่ ๑๑