บางครั้งเมื่อมีใครทำไม่ดีกับเรา ตามปกติเราก็จะไม่อดทนต่อสิ่งที่ผู้อื่นกระทำ แต่เราควรพิจารณาว่า คนที่ทำอกุศล เพราะเขาไม่รู้จึงทำ เขายังมีกิเลสเหมือนเรา ควรเห็นใจเขา และที่สำคัญควรสงสารเขามากกว่า ที่จะไปโกรธเพราะเขาจะต้องได้รับผลของอกุศลที่เขาทำ รวมทั้งถ้าไม่มีใครทำความเสียหายให้เรา ความอดทนของเราจะเพิ่มขึ้นไม่ได้เลย ดังนั้น ขันติจึงเป็นบารมีหนึ่งที่สามารถอบรมได้ในชีวิตประจำวัน และทำให้กุศลขั้นต่างๆ เจริญด้วย รวมทั้งช่วยให้อยู่ร่วมกันในสังคมได้เป็นอย่างดี พร้อมๆ กับความเข้าใจเรื่อง สติปัฏฐาน ที่อบรมในชีวิตประจำวันครับ ขอยกข้อความในพระไตรปิฎก ที่เป็นประโยชน์ในเรื่องขันติ ลองอ่านดูนะ เสียเวลาไม่มาก แต่ประโยชน์มากมายครับ เตือนตัวเองด้วย (ยังนิสัยไม่ดี) และคิดว่าเป็นประโยชน์กับสหายธรรมทุกท่านครับ
อนุโมทนาที่อ่านจบ
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่
ผู้มีปัญญาเป็นผู้อดกลั้น
มหิสราชจริยา
ผุสติสูตร
มงคลสูตร
[เล่มที่ 42] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๒ - หน้าที่ 151
ข้อความบางตอนจาก
เรื่องพระอุบลวรรณาเถรี
คนพาลย่อมสำคัญบาปประดุจน้ำผึ้ง ตราบเท่าที่บาปยังไม่ให้ผล ก็เมื่อใดบาปให้ผล เมื่อนั้น คนพาลย่อมประสบทุกข์
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่
อุตตราอุบาสิกา
ธรรมเทวปุตตชาดก
อนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนา
มาจากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๗๔
ขันติเป็นอาวุธ ไม่เบียดเบียนคนดี เป็นเครื่องประดับของผู้สามารถครอบงำผู้อื่นได้ เป็นสายน้ำกำจัดไฟ คือ ความโกรธ เป็นเครื่องชี้ถึงความเกิด แห่งกิตติศัพท์อันดีงาม เป็นมนต์วิเศษระงับ พิษคำพูดของคนชั่ว เป็นบานประตู ปิดประตูอบาย เป็นบันไดขึ้นสู่เทวโลก และพรหมโลก ฯลฯ
ขออนุโมทนาครับ
และดีใจมากที่คุณแล้วเจอกันกลับมาใน web แล้ว
ขออนุโมทนาครับ สาธุ
ได้ข้อคิดอย่างยิ่งยวดค่ะ สาธุ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ