ถ้าสมมติว่าตอนกรวดน้ำ จิตใจไม่ค่อยปกติ จิตไม่เป็นกุศล แล้วความไม่เป็นกุศลจะไปถึงคนรับไหมค่ะ
การกรวดน้ำแบบประเพณีทำไปด้วยไม่รู้ ไม่เข้าใจ เห็นเขาเทน้ำก็เทตาม ไม่พูดบอกว่าขออุทิศส่วนบุญให้แก่ใคร ลักษณะนี้จิตไม่เป็นกุศล และไม่สำเร็จแก่ใครๆ ที่ล่วงลับไปแล้ว ดังนั้น เมื่อทำบุญแล้วควรอุทิศด้วยวาจา ว่าขอให้ส่วนบุญนี้แก่ใครบ้าง ส่วนน้ำถ้าไม่สะดวกก็ไม่ต้องก็ได้ครับ
ความจริงขณะนั้นก็ยังมาไม่ถึง เป็นแต่เพียงเหตุการณ์ที่เราสมมติขึ้นเท่านั้นเอง ก็ไม่น่าที่จะต้องเป็นห่วงหรือกังวลใจในสิ่งที่ยังไม่เกิดเลยครับ เพราะเรื่องของจิตใจ ยากที่ใครจะรู้ใจใครได้ ใจของผู้ใด ผู้นั้นก็ย่อมจะรู้ใจของตนดีที่สุด เพราะเป็นโลกคนละใบที่ไม่ปนกันเลย อกุศลจิตของเราจึงเป็นโลกของอกุศลจิตของเรา อกุศลจิตของเขาจึงเป็นโลกของอกุศลจิตของเขา อย่างไรก็ตาม กุศล กรรมใดๆ ที่ถ้าหากว่าได้กระทำแล้วเกิดระลึกขึ้นได้ ก็ควรที่จะอุทิศด้วยวาจาให้ผู้อื่นได้ล่วงรู้บ้าง เพราะถ้าหากว่าเขาอยู่ในฐานะที่จะล่วงรู้แล้ว ก็อาจจะเป็นปัจจัยให้กุศลจิตของเขาเกิดได้ (แต่ไม่ใช่ว่า เขาเอากุศลจิต/อกุศลจิตของเราไปครับ) หรือบางที เขาก็อาจจะรู้อยู่แก่ใจว่า มีผู้กระทำกุศลแล้วอุทิศให้ตน แต่จิตของเขาก็ไม่ได้น้อมไปที่จะอนุโมทนาในบุญนั้นๆ เมื่อเป็นอย่างนี้ ใครก็ไปเปลี่ยนแปลงแก้ไขอะไรไม่ได้ครับ และหากย้อนคิดถึง ขณะที่เรากำลังกระทำกุศลจริงๆ เราเองก็ยังบังคับจิตของตนให้เป็นกุศลไปโดยตลอดไม่ได้ ฉะนั้น จิตใจของผู้อื่นจะเป็นสิ่งที่ยากเย็นกว่าสักแค่ไหน เหตุนี้ ก็ควรมั่นคงที่จะไม่ลืมว่า ธรรมะทั้งหลายเป็นอนัตตาครับ เพราะถ้าเลือกได้จริงๆ ทุกคนก็คงจะอยากให้กุศลจิตเกิดตลอดทุกการกระทำ แต่เป็นสิ่งที่ไปไม่ได้เลย เพราะเหตุว่าเรายังเป็นผู้ที่มีกิเลสครับ
อนุโมทนาค่ะ.