สมมติ ความไม่กล้าที่จะทำบุญทำทานแล้วผัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อยๆ คือมีความดำริที่จะทำ แต่ก็ไม่อยากทำ หรือความไม่กล้าที่จะทำการงานให้ลุล่วง แต่เพราะกังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นกลัวสิ่งที่คาดหวังจะไม่ประสบผลตามความปรารถนา ฯลฯ นี้เป็นผลของอกุศลวิบากที่ให้ผลกับจิตใช่มั้ยครับ?
เพราะสั่งสมปัจจัยที่จะไม่กล้า กลัวที่จะลงมือทำ กลัวผลที่ตามมา?
จิตจึงไม่น้อมไปในความเพียรในการงานทั้งหลายทั้งปวงเป็นเพราะอกุศลกรรมที่ได้ทำไว้ อะไรทำนองนี้หรือเปล่าครับ?
ขอความกระจ่างชัดด้วยครับ
แสดงถึงความเป็นอนัตตาและเป็นเรื่องของกิเลส ที่สะสมมา ที่มากไปด้วยอกุศล จึงน้อมไปที่จะไม่เจริญกุศล ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ธรรมดาของปุถุชน หากเข้าใจความจริงก็เข้าใจความเป็นปกติ ตามเหตุปัจจัย เมื่อสภาพธรรมเป็นอย่างไรก็น้อมไปเป็นอย่างนั้น ครับ ขออนุโมทนา
ขอบพระคุณครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
โอกาสใดที่จะเจริญกุศลได้ ไม่ว่าจะเป็นในด้านใดๆ ก็ตาม ก็ไม่ควรที่จะละเลยโอกาสนั้นไป เพราะโอกาสของการได้ทำความดี ในชีวิตประจำวันนั้น เป็นโอกาสที่หายาก เทียบส่วนกันไม่ได้เลยกับขณะที่เป็นอกุศล ซึ่งในวันหนึ่งๆ อกุศลจิตเกิดบ่อยมากเป็นปกติอยู่แล้ว ถ้าไม่มีโอกาสของกุศลจิตได้เกิดขึ้นบ้างเลย นับวันอกุศลก็จะสะสมพอกพูนหนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ สังสารวัฏฏ์ยืดยาวต่อไปอีกอย่างไม่มีวันจบสิ้น ถ้าไม่เห็นประโยชน์ไม่สะสมสิ่งที่ดีบ่อยๆ ความดีก็จะเกิดขึ้นบ่อยๆ ไม่ได้ จึงต้องค่อยๆ สะสมความดีในชีวิตประจำวัน ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
อาจหาญร่าเริงในการเจริญกุศล ไม่ว่าจะเป็นกุศลขั้นทาน ขั้นศีล ขั้นการอบรมเจริญสติปัฏฐานค่ะ