ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จิตต่างกันโดยสัมปยุตตธรรมที่เป็น "เหตุ"
สภาพธรรมที่เป็นสังขารธรรมนั้นจะเกิดขึ้นมาเองลอยๆ โดยไม่อาศัยปัจจัยอะไรเลยไม่ได้ ปรมัตถธรรมที่เป็นสังขารธรรมมี ๓ คือ จิต เจตสิก รูป จิตอาศัยเจตสิกเป็นปัจจัยจึงเกิดขึ้น และจิตบางดวงก็อาศัยเจตสิกและรูปเป็นปัจจัยเกิดขึ้น รูปอาศัยรูปเป็นปัจจัยจึงเกิดขึ้น และรูปบางรูปก็อาศัยจิตและเจตสิกและรูปเป็นปัจจัยจึงเกิดขึ้น ฉะนั้น จิตต่างกันโดยเหตุ คือ จิตบางดวงก็เกิดร่วมกับเจตสิกที่เป็นเหตุ และจิตบางดวงก็เกิดร่วมกับเจตสิกที่ไม่ใช่เหตุ
ปรมัตถธรรมที่เป็นเหตุนั้น ได้แก่ เจตสิก ๖ ดวงเท่านั้น คือ
โลภเจตสิกเป็นโลภเหตุ ๑
โทสเจตสิกเป็นโทสเหตุ ๑
โมหเจตสิกเป็นโมหเหตุ ๑
รวมเป็นอกุศลเหตุ ๓
อโลภเจตสิกเป็นอโลภเหตุ ๑
อโทสเจตสิกเป็นอโทสเหตุ ๑
ปัญญาเจตสิกเป็นอโมหเหตุ ๑
รวมเป็นโสภณเหตุ ๓
นอกจากเจตสิก ๖ ดวงนี้แล้ว สภาพธรรมอื่นทั้งหมดไม่ใช่เหตุปัจจัย เจตสิกอื่นๆ ที่เกิดร่วมกับจิตต่างก็เป็นปัจจัยให้จิตเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่เหตุปัจจัย คือ ไม่ใช่เป็นปัจจัยโดยเป็นเหตุ เพราะเหตุปัจจัยเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งในสภาพธรรมทั้งหลายที่เป็นปัจจัยต่างๆ กันถึง ๒๔ ปัจจัย (โดยประเภทปัจจัยใหญ่ๆ) เจตสิก ๖ ดวงที่เป็นเหตุนั้น อุปมาเหมือนกับรากแก้วของต้นไม้ซึ่งเป็นเหตุให้ต้นไม้นั้นเจริญสมบูรณ์งอกงามมีดอกมีผลมากมายฉันใด เจตสิกที่เป็นเหตุ ๖ นี้ เมื่อเกิดขึ้นก็ทำให้สภาพธรรมทั้งหลายเจริญงอกงามและผลิตผลต่างๆ เพิ่มขึ้นอยู่เรื่อยๆ ผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์ยังมีอกุศลเหตุและกุศลเหตุ เมื่อเป็นพระอรหันต์แล้วดับทั้งอกุศลเหตุและกุศลเหตุ อโลภเจตสิก อโทสเจตสิก และปัญญาเจตสิก (อโมหะ) ที่เกิดกับจิตของพระอรหันต์จึงเป็นอัพยากตเหตุ คือ ไม่ใช่อกุศลเหตุและกุศลเหตุ
สภาพธรรมที่เป็นอัพยากตธรรมนั้นเป็นสภาพธรรมที่ไม่ใช่กุศลไม่ใช่อกุศล ฉะนั้น วิบากจิต กิริยาจิต วิบากเจตสิก กิริยาเจตสิก รูป และนิพพานจึงเป็นอัพยากตธรรม เพราะไม่ใช่กุศลไม่ใช่อกุศล
เหตุ ๖ จำแนกเป็น ๒ ประเภท คือ
อกุศลเหตุ ๓ ได้แก่ โลภเจตสิก ๑ โทสเจตสิก ๑ โมหเจตสิก ๑
โสภณเหตุ ๓ ได้แก่ อโลภเจตสิก ๑ อโทสเจตสิก ๑ ปัญญาเจตสิก ๑
ควรสังเกตว่าไม่ใช้คำว่า กุศลเหตุ ๓ แต่ใช้คำว่าโสภณเหตุ ๓ เพราะกุศลเหตุเป็นเหตุให้เกิดกุศลวิบากซึ่งเป็นผล แต่โสภณเหตุซึ่งเป็นเหตุที่ดีนั้นเกิดกับกุศลจิตก็ได้ กุศลวิบากจิตก็ได้ และโสภณกิริยาจิตก็ได้ โสภณเหตุจึงไม่ได้เกิดแต่เฉพาะกับกุศลจิตเท่านั้น
โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ จัดพิมพ์เผยแพร่ โดย คณะกรรมการ ศิลปะและวัฒนธรรม สภาผู้แทนราษฎร เนื่องในวโรกาสมหามงคลเฉลิมพระชนม์พรรษา ครบ ๗๕ พรรษาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช วันที่ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๕
ขอเชิญอ่านหรือดาวน์โหลดหนังสือ ...
ปรมัตถธรรมสังเขป
ขอเชิญอ่านตอนต่อไป ...
ความจริงแห่งชีวิต
ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศล แด่ คุณพ่อ คุณแม่ และ สรรพสัตว์
เรียนท่านผู้รู้
จิตชาติวิบาก มีทั้งอเหตุกจิต และสเหตุกจิต ใช่หรือไม่อย่างไร ทำไมจึงบอกว่า อเหตุกจิต มี ๑๘ ประเภท ในชาติวิบาก เป็นอโสภณ แล้ว สเหตุกจิตอยู่ตรงไหนคะ
ขอบพระคุณค่ะ
เรียน ความเห็นที่ 1
ถูกแล้วครับ จิตชาติวิบาก มีทั้งอเหตุกจิต และสเหตุกจิต
แต่ในอเหตุกจิต ๑๘ มีจิต ๒ ชาติ คือ ชาติวิบาก ๑๕ ชาติ กิริยา ๓
อเหตุกจิตเป็นอโสภณจิต เพราะไม่มีโสภณเจตสิกเกิดร่วมด้วย
ส่วนสเหตุกที่เป็นวิบาก ได้แก่ มหาวิบาก ๘ รูปาวจรวิบาก ๕ อรูปาวจรวิบาก ๔ โลกุตตรวิบาก ๔ รวมเป็นสเหตุกวิบาก ๒๑ ประเภท
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ "คุณพุทธรักษา"
เรียน ความเห็นที่ 2
อเหตุกกุศลวิบาก ๘ ต่างจาก มหาวิบาก ๘ อย่างไร
ดิฉันอ่านไปอ่านมา เริ่มจะงงค่ะ
มหาวิบาก ๘ คือจิตที่คู่กับมหากุศลจิต ๘ ใช่หรือไม่
ขอบพระคุณค่ะ
เรียน ความเห็นที่ 4
อเหตุกกุศลวิบาก ๘ ต่างจากมหาวิบาก ๘ ตรงที่เป็นอเหตุกจิต ไม่มีเหตุเกิดร่วมด้วย เป็นอโสภณจิต มหาวิบาก ๘ เป็นผลของมหากุศลจิต ๘
ซึ่งคลิกอ่านรายละเอียดที่
มหาวิบากจิต
อเหตุกกุศลวิบากจิต ๘ กับ มหาวิบากจิต ๘
อเหตุกวิบากจิต
อเหตุกกุศลวิบากจิต ๘ ดวง
ขอขอบคุณอาจารย์ประเชิญ และคุณพุทธรักษาค่ะ
เรียน ถามความเห็นที่ 5
คำว่า ปวัตติกาล หมายถึงอะไรคะ
ขอบพระคุณค่ะ
คำว่า ปวัตติกาล หมายถึง กาลที่ไม่ใช่ปฏิสนธิกาล และไม่ใช่จุติกาล ท่านแบ่งกาลของชีวิตสัตว์เป็น ๓ กาล
ขณะที่ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นเรียกว่า ปฏิสนธิกาล
ขณะที่จุติจิตเกิดขึ้น เรียกว่าจุติกาล
ขณะจิตในระหว่างกาลทั้ง ๒ เรียกว่า ปวัตติกาล
เรียน อาจารย์ประเชิญ
มหาวิบากจิต ๘ ให้ผลในปวัตติกาลอย่างไร กรุณายกตัวอย่างได้ไหมคะ
ขอบพระคุณค่ะ
มหาวิบากจิต ๘ ทำกิจในปวัตติกาล ก็คือ ขณะที่เป็นภวังคจิต ตทาลัมพนกิจ ครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ