ผมตื่นเช้าขึ้นมาในวันหนึ่ง ก็พบว่าความคิดของตัวเองได้เปลี่ยนไปแล้ว คนเราเกิดมาทำไม และมีชีวิตอยู่เพื่ออะไรกัน ในเมื่อทุกอย่างมันไม่มีอยู่จริง ตัวเรา ตัวเขา แม้กระทั่งเวลาเป็นเพียงเรื่องสมมติเท่านั้น เหมือนกับหลายคนที่พยายามศึกษาธรรมะ เพราะเข้าใจว่าเป็นเครื่องหมายของการเป็นคนดี แต่พอเกิดปัญหากับชีวิต กลับไม่สามารถนำมันมาใช้ในชีวิตได้เลย ผมไม่ได้อยากรู้จักธรรมเพื่อให้ใครยกย่องหรือบอกว่าผมเป็นคนดี ผมไม่อยากรู้ธรรมเพราะอยากได้บุญ แล้วขึ้นสวรรค์ แต่ผมอยากเข้าใจธรรมเพราะว่าอยากรู้ว่าธรรมมีอยู่จริง และส่งผลให้ผมสามารถนิพพานได้ในที่สุด แม้จะต้องใช้เวลาก็ตาม
ความคิดเปลี่ยนไป หรือ เกิดคำถามเพิ่มขึ้นคะ
1. คนเราเกิดมาทำไม... ตอบตัวเองรึยังคะ
2. มีชีวิตอยู่เพื่ออะไร... ได้คำตอบรึยังคะ
3. อยากเข้าใจธรรมะ เพราะว่าอยากรู้ว่าธรรมะมีอยู่จริง... ตอนนี้รู้รึยังคะ
4. ความอยากหรือไม่อยาก... เป็นธรรมะรึเปล่าคะ
5. และส่งผลให้ผมสามารถนิพพานได้ในที่สุด แม้จะต้องใช้เวลาก็ตาม...
เหตุอย่างไร จึงจะส่งผลให้นิพพานได้...คะ
ทั้ง 5 ข้อนั้น เป็นความคิดที่เปลี่ยนไป หรือ เป็นคำถามที่คุณต้องการคำตอบคะ
ถ้าเป็นคำถาม ผู้รู้ที่เมตตาหลายท่านคงกำลังจะตอบคำถามคุณในเร็วๆ นี้ค่ะ
* * * ขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านผู้เจริญกุศลทุกท่านนะคะ * * *
เมื่อต้องการเข้าใจธรรมะ โดยไม่หวังลาภหรือสักการะจากความเข้าใจนั้น คำถามต่อไปที่ควรพิจารณาคือ ความเข้าใจธรรมะเกิดขึ้นได้อย่างไร? เจริญเพิ่มขึ้นได้อย่าไร?
ความเข้าใจธรรมะอย่างถูกต้อง ไม่อาจเกิดขึ้นได้เอง ไม่อาจเกิดจากการคิด ใคร่ครวญ ใตร่ตรอง ทดลอง ฯลฯ ด้วยตัวเอง แต่เกิดขึ้น เจริญขึ้นได้ด้วยการศึกษาครับ
ดังนั้น เมื่อประสงค์จะเข้าใจธรรมก็ควรศึกษาพระธรรมด้วยการฟัง การอ่าน การ สนทนาและสอบถาม โดยที่ต้องไม่ลืมย้อนกลับมาทบทวนจุดมุ่งหมายของการ ศึกษาบ่อยๆ ว่า เพื่อความเข้าใจเท่านั้น ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น...
ความคิดที่เกิดขึ้นนั้นเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ย่อลงมาอีกจะเห็นได้ว่าเปลี่ยนทุกชั่วโมง ทุกนาที ทุกวินาที ทุกเสี้ยววินาที แต่ใครจะรู้ว่าความคิดนั้นเปลี่ยนแปลงรวดเร็วที่สุดจนถึงเพียงขณะจิตที่กำลังเกิดขึ้นคิด ๑ ขณะ แล้วก็ดับไปๆ ๆ ๆ ถ้าไม่ใช่พระปัญญาคุณของผู้ที่ทรงตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ไม่มีทางที่ปุถุชนจะคิดถึงความจริงของสิ่งนี้ได้เลย การที่จะพบความเปลี่ยนแปลงของสิ่งซึ่งเป็นสัจจธรรมนั้น ต้องด้วยปัญญาที่เห็นถึงความไม่เที่ยง เป็นทุกข์ โดยที่ความเปลี่ยนแปลงของสิ่งนั้น ไม่มีความเป็นตัวตน สัตว์บุคคล เลยแม้แต่ขณะจิตเดียว ถ้ายังไม่ประจักษ์ในสัจจธรรมนี้ ก็ยังไม่ควรที่จะพอใจในความรู้ที่เพิ่งเริ่มต้น และไม่ควรอยากในผลอันเลิศที่แสนไกล ที่เหตุในขณะนี้ยังอบรมเจริญไม่พอ เพราะในขณะนี้ ปัญญาจะต้องศึกษาให้รู้ทั่วยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงขั้นที่คิดดี คิดถูก คิดเป็นธรรมได้เท่านั้น แต่จะต้องเป็นการเข้าถึงสภาพธรรมตามความเป็นจริง ที่กำลังมี ที่กำลังปรากฏด้วยสติที่ระลึก แล้วปัญญาศึกษา จนรู้ทั่วและชัดเจนจริงๆ ว่า "ทั้งหมดเป็นธรรม" ไม่ใช่เรา ...ในขณะนี้นะครับ
การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่แค่เช้านี้ หรือเช้าไหนแต่ยังไม่รู้ เพราะยังไม่ได้เริ่มศึกษาพระธรรมจริงๆ ความรู้ ที่จะตอบคำถามทั้งหมดคือพระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้อย่างละเอียด
เริ่มต้นจากการฟังให้เข้าใจเข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของการศึกษาพระธรรมก่อน แล้วมั่นคงในหนทางนี้ ซึ่งมีทางเดียวเท่านั้นและไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่จะเข้าใจได้ง่ายๆ ต้องอาศัย กัลยาณมิตรแต่ถ้าได้เข้าใจในระดับหนึ่งจะรู้ว่าพระธรรม มีคุณค่ามากแค่ไหนแม้จะยังเป็นปุถุชนอยู่ก็ตาม.
.................................
ความคิดเป็นธรรม ไม่เที่ยง เกิดแล้วก็ดับไป เป็นปัจจัยให้คิดอีก เกิดมาเพื่อทำความดี
และสั่งสมปัญญา ตัวตนไม่มีก็จริง แต่ปรมัตถธรรมมีจริง คือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน ถ้า
ทำอกุศลกรรมบถ ก็เป็นเหตุให้ไปอบายภูมิ และปัญญาขั้นฟังยังไม่สามารถละกิเลสได้
ปัญญาขั้นฟังเพียงละความไม่รู้ ต้องเป็นปัญญาขั้นสติปัฏฐานจึงจะค่อยๆ ละกิเลสได้ค่ะ
สาธุ