ติดจนโงหัวไม่ขึ้น/ทาส/ภาระ
“ผู้นั้นจะโงหัวขึ้นได้อย่างไร”
ที่ว่าโงหัวไม่ขึ้น เพราะว่าตกเป็นทาสของรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
รวมข้อความเกี่ยวกับ การตกเป็นทาส ของ ความไม่รู้
“ใครเป็นทาสของ แมว ของสุนัขบ้าง” (ใครกันที่ถูกปรนนิบัติ เช่น หลงลืมว่าคลุกข้าวให้แมวกินหรือยัง)
“นายใหญ่ที่แท้จริงคือใคร ก็คือเรา” (บางคนที่คิดว่าต้องเลี้ยงแมว แมวเป็นนาย แต่ความจริงลึกๆ แล้ว เพราะกลัวตนเองจะมีโทษ ที่ไม่ได้ให้อาหาร หรือเพราะความพอใจด้วยความเป็นเรา)
“ที่ตกเป็นทาส ก็เพราะยังไม่รู้ลักษณะของสิ่งที่เราติด ติดในสิ่งที่ปรากฏ เพียงชั่วคราว แล้วก็หายไป”
“เคยรู้จักใคร พบปะกันบ่อยๆ แล้ววันหนึ่ง เขาหายไป ไม่กลับมาอีกเลย ไม่เหลือแม้ให้เห็น ทุกสิ่งทุกอย่างในขณะนี้ ก็เป็นเช่นนี้ เพียงปรากฏให้รู้ว่ามี และไม่รู้จึงติดข้อง”
“สิ่งที่ปรากฏ แม้ยังไม่ทันตาย เพียงแค่หลับ แล้วเหลืออะไรบ้าง แต่เมื่อตื่นมีอะไรปรากฏ ก็ติดข้อง”
รวมข้อความเกี่ยวกับ “กิเลสดั่งลูกศร”
“กิเลสที่เห็นว่าเป็นดั่งลูกศร เพราะเป็นสิ่งที่มีโทษ เข้าไปถึงใจ”
“เวลาถูกยิง เข้าตาบ้าง แขนบ้าง ขาบ้าง เจ็บตรงนั้น ตรงนี้ แต่ความติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และสังสารวัฏฏ์เสียบอยู่ในใจ ไปไหน ไปด้วย ทุกภพ ทุกชาติ ทุรนทุราย เร่าร้อน เป็นทุกข์โดยไม่รู้ตัว”
“ถูกแทงธรรมดา ดึงออกไม่ยาก แต่ปลายศร ลองคิดว่าเจ็บแค่ไหน แต่ดึงออกได้จริงๆ ด้วยปัญญา”
“เจ็บหรือไม่ที่ไม่มีเรา ถ้าเป็นกิเลสก็เจ็บมาก เพราะไม่เหลือเรา แม้ญาติที่ดูเหมือนอุ่นใจ แต่ในความจริงเป็นเพียงธาตุแต่ละอย่าง มีปัจจัยเกิดแล้วดับ รู้เช่นนี้ด้วยปัญญา ก็เบาสบาย พ้นจากความเป็นทาส”
“อาจหาญ และ ร่าเริง เป็นความหมายของปัญญา ถ้าเป็นอิสระเมื่อไร เมื่อนั้นก็รู้โทษของการเป็นทาส (เช่น ทาสแมว ทาสสุนัข ทาสของตัวเรา รักตัวเองที่สุด) ”
ภาระที่ใหญ่ที่สุด
ภาระ (ของหนัก) ที่ใหญ่ที่สุด คือ ขันธ์ ๕ “ขันธ์ ๕ เป็นภาระอย่างยิ่ง” ทั้ง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เพราะเกิดแล้วดับไป ห้าม ยับยั้งให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้ เช่น รูปที่กาย ต้องคอยดูแล หาข้าวให้กิน แต่ก็ยังถูกโขก ถูกกัด ถูกทำลาย เป็นต้น
อ่านข้อความเตือนสติ ทั้งหมดจากสุภากัมมารธิดาเถรี คาถา..ข้อความเตือนสติเรื่องสุภากัมมารธิดาเถรีคาถา
เป็นการเตือนย้ำให้เกิดความเข้าใจในสภาพธรรมได้ดี ส่วนการจะตอบโจทย์ได้นั้น ก็ต้องยิ่งด้วยปัญญาจริงๆ และการจะทำให้ปัญญาเจริญยิ่งๆ ขึ้นไป ก็ต้องอาศัยการอบรมให้ปัญญาคมชัดขึ้น ทางอื่นคงไม่มี
ขออนุโมทนาค่ะ
“ที่ตกเป็นทาส ก็เพราะ ยังไม่รู้ลักษณะของสิ่งที่เราติด ติดในสิ่งที่ปรากฏ เพียงชั่วคราว แล้วก็หายไป”
“เคยรู้จักใคร พบปะกันบ่อยๆ แล้ววันหนึ่ง เขาหายไป ไม่กลับมาอีกเลย ไม่เหลือแม้ให้เห็น ทุกสิ่งทุกอย่างในขณะนี้ ก็เป็นเช่นนี้ เพียงปรากฏให้รู้ว่ามี และไม่รู้ จึงติดข้อง”
“สิ่งที่ปรากฏ แม้ยังไม่ทันตาย เพียงแค่หลับ แล้วเหลืออะไรบ้าง แต่เมื่อตื่น มีอะไรปรากฏ ก็ติดข้อง”
“เจ็บหรือไม่ ที่ไม่มีเรา ถ้าเป็นกิเลสก็เจ็บมาก เพราะไม่เหลือเรา แม้ญาติ ที่ดูเหมือนอุ่นใจ แต่ในความจริง เป็นเพียงธาตุแต่ละอย่าง มีปัจจัยเกิดแล้วดับ รู้เช่นนี้ด้วยปัญญา ก็เบาสบาย พ้นจากความเป็นทาส”
“อาจหาญ และ ร่าเริง เป็นความหมายของปัญญา ถ้าเป็นอิสระเมื่อไร เมื่อนั้นก็รู้โทษของการเป็นทาส (เช่น ทาสแมว ทาสสุนัข ทาสของตัวเรา รักตัวเองที่สุด) ”
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณวิทวัส อย่างยิ่งค่ะ ที่นำสิ่งดีๆ มาคอยเตือนสติ ให้ไม่ประมาทที่จะอบรมเจริญปัญญา เพราะเราจะหลงลืมสติ ตกเป็นทาสของกิเลส จนโงหัวไม่ขึ้น อยู่เกือบตลอดเวลา
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
“ที่ตกเป็นทาส ก็เพราะ ยังไม่รู้ลักษณะของสิ่งที่เราติด ติดในสิ่งที่ปรากฏ เพียงชั่วคราว แล้วก็หายไป”
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณ wittawat และ ทุกๆ ท่านด้วยครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ