[เล่มที่ 35] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 314
ตติยปัณณาสก์
เกสีวรรคที่ ๒
๗. อารักขสูตร
ว่าด้วยความไม่ประมาทในฐานะ ๔ ประการ
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 35]
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 314
๗. อารักขสูตร
ว่าด้วยความไม่ประมาทในฐานะ ๔ ประการ
[๑๑๗] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพึงกระทำความไม่ประมาท คือ มีสติเครื่องรักษาใจโดยสมควรแก่ตน ในฐานะ ๔ ประการ ๔ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุพึงกระทำความไม่ประมาท คือ มีสติเครื่องรักษาใจโดยสมควรแก่ตนว่า จิตของเราอย่ากำหนัดในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ๑ จิตของเรา อย่าขัดเคืองในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคือง ๑ จิตของเราอย่าหลงในธรรม เป็นที่ตั้งแห่งความหลง ๑ จิตของเราอย่ามัวเมาในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความมัวเมา ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในกาลใดแล จิตของภิกษุไม่กำหนัดในธรรม เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด เพราะปราศจากความกำหนัด จิตของภิกษุไม่ขัดเคืองในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคือง เพราะปราศจากความขัดเคือง จิตของภิกษุไม่หลงในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความหลง เพราะปราศจากความหลง จิตของภิกษุไม่มัวเมาในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความมัวเมา เพราะปราศจากความมัวเมา ในกาลนั้น เธอย่อมไม่หวาดเสียว ไม่หวั่น ไม่ไหว ไม่ถึงความสะดุ้ง และย่อมไม่ไปแม้เพราะเหตุแห่งถ้อยคำของสมณะ.
จบอารักขสูตรที่ ๗
พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้า 315
อรรถกถาอารักขสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในอารักขสูตรที่ ๗ ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อตฺตรูเปน ได้แก่ ตามอนุรูปคือตามควรแก่ตน อธิบายว่า ตามความใคร่ประโยชน์เกื้อกูล. บทว่า รชนีเยสุ ความว่า ในธรรมเป็นปัจจัยแห่งราคะ. บทว่า ธมฺเมสุ ความว่า ในสภาวะ คือ อารมณ์ที่น่าปรารถนา. นัยในบททั้งปวง พึงทราบอย่างนี้. บทว่า นจฺฉมฺภติ ความว่า ย่อมไม่หวาดเสียวด้วยอำนาจทิฏฐิ. แม้ในบทที่เหลือก็นัยนี้. บทว่า น จ ปน สมณวจนเหตุปิ คจฺฉติ ความว่า ย่อมไม่เขวไปแม้เพราะเหตุแห่งถ้อยคำ ของสมณะผู้กล่าววาทะที่เป็นปรปักษ์ คือไม่ละทิฏฐิของตนเขวไปด้วยอำนาจทิฏฐิของสมณะเหล่านั้น. แม้ในที่นี้ก็ประสงค์เอาพระขีณาสพเท่านั้น.
จบอรรถกถาอารักขสูตรที่ ๗