ถ. ในขั้นปฏิบัติ ผมเคยพิจารณาว่า เห็นรูป รู้รูป และมีจิตอื่นเกิดดับสืบต่อกัน ขอให้อาจารย์ช่วยอธิบายเกี่ยวกับจิตที่สืบต่อกัน
สุ. จิตเกิดดับสืบต่อกันอย่างรวดเร็วมาก ใครรู้ ผู้ที่เจริญสติรู้ ผู้ที่ไม่เจริญสติไม่ทราบเลยว่า จิตชนิดหนึ่งเกิดปรากฏแล้วก็หมด และมีลักษณะของจิตอื่นเกิดต่อไป เพราะฉะนั้น ผู้ที่เจริญสติเป็นผู้ที่สำเหนียก รู้ลักษณะของนามและรูปแต่ละขณะ แต่ละชนิดที่เกิดดับสืบต่อกัน เป็นของธรรมดาสำหรับผู้เจริญสติที่จะรู้อย่างนี้ ไม่ใช่ผู้ที่บังคับสติ ผู้ที่บังคับสติจะไม่รู้อย่างนี้เลย แต่ถ้าเป็นผู้ที่เจริญสติแล้ว ก็จะรู้สภาพลักษณะของนามและรูปซึ่งเกิดดับแต่ละลักษณะสืบต่อกัน
ถ้าพูดอย่างโลกๆ ทุกท่านก็คงจะเข้าใจได้ว่า วันเวลาประกอบด้วยขณะ แต่ละขณะ จากวัน แบ่งเป็นชั่วโมง แบ่งเป็นนาที แบ่งเป็นวินาที และเป็นเสี้ยววินาที ซึ่งเป็นขณะที่สั้นมาก สำหรับทางธรรมนั้น จะมีสภาพธรรมที่เกิดปรากฏทุกๆ ขณะในเสี้ยววินาทีนั้นอย่างรวดเร็วด้วย ที่เราเรียกว่าเป็นวัน ต้องมีเหตุการณ์หลายอย่างเกิดขึ้น และในแต่ละชั่วโมงก็ต้องมีสิ่งที่เกิดปรากฏ ในแต่ละนาที หรือวินาที ก็ต้องมีสภาวะลักษณะที่ปรากฏ เป็นสภาพที่ปรากฏให้รู้ในขณะนั้น ซึ่งแต่ละขณะมีสภาวะจริงๆ ปรากฏนิดเดียวแล้วก็หมดไป อย่างเย็นขณะหนึ่ง นิดเดียว ปรากฏแล้วหมดแล้ว กลับคืนมาไม่ได้เลย แต่ผู้ที่ไม่เจริญสติไม่รู้ในสภาพของสภาวะลักษณะที่ปรากฏชั่วขณะนิดเดียวแล้วก็หมดไป หรือแม้แต่นามธรรมที่เกิดนึกขึ้นมาแล้วก็หมดไป และก็เป็นเห็น เป็นได้ยิน เป็นเรื่องอื่น เป็นแข็ง เป็นร้อน เป็นกลิ่น เป็นอะไรต่อไป ก็เป็นสิ่งที่ปรากฏชั่วขณะที่สั้นมาก ของแต่ละขณะ ของแต่ละชั่วโมง ของแต่ละวัน ซึ่งจะมีสภาพลักษณะของปรมัตถธรรมจริงๆ ปรากฏให้รู้
แต่ผู้ที่จะรู้ว่าเป็นนามธรรม เป็นรูปธรรม ต้องเป็นเพราะสติระลึกรู้ลักษณะที่ต่างกันของนามธรรมและรูปธรรม แต่เป็นสิ่งที่เคยไม่รู้มาเนิ่นนาน การที่สติจะเริ่มระลึกรู้ลักษณะของนามของรูป จึงต้องอาศัยกาลเวลานาน ไม่ใช่เล็กน้อย
ที่มา และ อ่านเพิ่มเติม ...
แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 176