พระสกทาคามี ยังชอบดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม เล่นมือถือ ดูฟุตบอล ดูมวย อยู่บ้างไหมครับ
โดย พ่อพี่ณดาน้องณิชา  29 ก.พ. 2567
หัวข้อหมายเลข 47555

พระสกทาคามี ยังชอบดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม เล่นมือถือ ดูฟุตบอล ดูมวย อยู่บ้างไหมครับ

แล้ววิธีปฏิบัติของฆารวาส เกี่ยวกับการให้ กามราคะเบาบางลง ควรกระทำอย่างไรครับ

สาธุครับ



ความคิดเห็น 1    โดย khampan.a  วันที่ 2 มี.ค. 2567

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ควรที่จะได้เข้าใจเป็นเบื้องต้นก่อนว่า พระอริยบุคคล เป็นผู้ที่ประเสริฐ สามารถดับกิเลสได้ตามลำดับขั้น ตั้งแต่พระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์ พระอรหันต์เท่านั้นที่เป็นผู้ที่ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างหมดสิ้น ไม่มีเหลือ

พระโสดาบันคือผู้ที่ถึงพระนิพพาน เป็นครั้งแรก ซึ่งก็คือ เป็นพระอริยบุคคลขั้นที่ ๑ ที่ได้ประจักษ์แจ้งพระนิพพาน ดับกิเลสได้ในระดับหนึ่ง ดับกิเลสได้เพียงบางส่วนตามสมควรควรแก่มรรคที่ท่านได้ ยังไม่สามารถดับได้ทั้งหมด พระโสดาบันดับความเห็นผิดทุกประการ ดับความลังเลสงสัยในสภาพธรรม ดับความตระหนี่ ดับความริษยา ดับกิเลสอย่างหยาบ ที่จะเป็นเหตุให้ไปเกิดในอบายภูมิ เพราะพระโสดาบันเป็นผู้ไม่ต้องไปเกิดในอบายภูมิอีกต่อไป ท่านเกิดอีกอย่างมากไม่เกิน ๗ ชาติ เป็นผู้แน่นอนที่จะได้ตรัสรู้เป็นพระอริยบุคคลขั้นสูงๆ ขึ้นไป กล่าวคือ บรรลุเป็นพระสกทาคามี พระอนาคามี จนกระทั่งถึงความเป็นพระอรหันต์ในที่สุด

พระสกทาคามี เป็นพระอริยบุคคลขั้นที่สอง ดับความเห็นผิด ดับความลังเลสงสัยในสภาพธรรมได้ตั้งแต่เป็นพระโสดาบันแล้ว เป็นผู้กระทำราคะและโทสะให้เบาบางลง เป็นผู้ที่มาสู่โลกนี้เพียงครั้งเดียว แล้วสามารถกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้

พระสกคามีบุคคล เป็นพระอริยบุคคลขั้นที่สูงกว่าพระโสดาบัน เพราะเป็นผู้มีราคะและโทสะเบาบางกว่าผู้ที่เป็นพระโสดาบัน โลภะความติดข้องยินดีพอใจของพระสกทาคามีบุคคล ยังมี แต่บางกว่า ไม่หยาบเหมือนเดิมเท่ากับพระโสดาบันบุคคล ดังนั้น แม้ว่าจะยังมีโลภะที่เป็นไปในชีวิตประจำวัน แต่ก็เบาบางกว่าพระโสดาบัน

การเป็นพระอริยบุคคล เป็นได้ด้วยปํญญา ถ้าไม่มีปัญญาแล้ว การรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้

ปัญญาไม่สามารถจะเจริญขึ้นได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ต้องค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ ศึกษา ไปตามลำดับ เพียงแค่วันนี้ พรุ่งนี้ หรือชาตินี้ ยังไม่พอ ต้องสะสมความเข้าใจต่อไปอีก เป็นเวลาอันยาวนาน (จิรกาลภาวนา) ซึ่งมีข้ออุปมาเหมือนการจับด้ามมีด เมื่อจับบ่อยๆ นานๆ รอยสึกย่อมปรากฏได้ ปัญญาก็เช่นกัน ต้องอาศัยกาลเวลาอันยาวนานในการสะสม ในการอบรม จึงจะเจริญขึ้นได้ เพราะฉะนั้น ในแต่ละภพ ในแต่ละชาติ มีชีวิตอยู่ ก็เพื่อได้ฟังพระธรรม ได้สะสมอบรมเจริญปัญญา เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูก ยิ่งขึ้น ไม่ขาดการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญาต่อไป จึงไม่ทางอื่นเลย ไม่ว่าจะเป็นบรรพชิตหรือคฤหัสถ์ หนทางที่จะเป็นไปเพื่อความเจริญขึ้นของปัญญา ขัดเกลาละคลายกิเลส มีความไม่รู้ ความติดข้องเป็นต้น ก็ด้วยการฟังพระธรรมศึกษาพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน เพราะกิเลสที่จะต้องดับก่อนคือความเห็นผิดว่าเป็นเรา เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน โดยมีความเข้าใจอย่างมั่นคงว่า ธรรม เป็นสิ่งที่มีจริงๆ แต่ละหนึ่ง ไม่ใช่เรา ครับ

... ยินดีในกุศลของคุณพ่อพี่ณดาน้องณิชาและทุกๆ ท่านด้วยครับ ...


ความคิดเห็น 2    โดย ทรงศักดิ์  วันที่ 4 มี.ค. 2567

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย พ่อพี่ณดาน้องณิชา  วันที่ 4 มี.ค. 2567

ขออนุโมทนาครับ