การดูแลญาติผู้ใหญ่ที่เป็นศัตรูกัน เช่น เฝ้าไข้ และดูแลหลังออก รพ แล้ว โดยได้ดูแลเป็นอย่างดี ทำอย่างไร ที่จะไม่ให้เกิดอกุศลจิต
เพราะคิดว่าเขาเป็นศัตรู.....ก็เป็นศัตรู
คิดว่าเขาเป็นมิตรเมื่อไหร่.....ก็จบค่ะ
ที่เรากำลังคิดว่าคนอื่นเป็นศัตรู เขาก็ยังไม่ใช่ศัตรูตัวจริง แต่โทสะ คือ ความขุ่นเคืองความโกรธ ความผูกโกรธ ความอาฆาต ความไม่ให้อภัยต่างหาก ที่เป็นศัตรูตัวจริงครับศัตรูตัวจริงอยู่ภายใน ทำอย่างไรไม่ให้เกิดอกุศลจิต ก็คือทำอย่างไรไม่ให้เกิดศัตรูภายในเกิด...ถ้าทำได้ ทุกคนคงจะสบายใจ ไม่ต้องโกรธใครเลย แต่ความจริงทำไม่ได้ครับเราสั่งสมความโกรธและอกุศลต่างๆ มานาน ไม่มีหนทางอื่นที่จะขัดกิเลสออกได้ นอกจากจะอบรมเจริญปัญญา รู้จักธรรมตามเป็นจริง ลองฟังธรรมในเว็ปนี้บ่อยๆ ครับ ขณะที่ตั้งใจฟังธรรม เข้าใจธรรม ขณะนั้นย่อมไม่คิดว่าใครเป็นศัตรู เพราะเหตุว่ากุศลจิตเกิด แทน อกุศลจิตที่เกิดบ่อยชั่วขณะ รวมทั้งขณะที่ให้อภัย ขณะที่เมตตา ขณะนั้นก็ไม่มีศัตรูภายใน เพราะเหตุว่า ขณะนั้นเป็นกุศลจิต กุศลจะไม่เกิดพร้อมกับอกุศลครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
การที่กุศลจิตเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน นั้น เป็นสิ่งที่มีค่ามาก เพราะเหตุว่าในแต่ละวันๆ อกุศลจิตเกิดมากกว่ากุศลจิต ตามภาวะของความเป็นปุถุชน ซึ่งมักจะตกไปจากกุศล ถ้าจิตไม่เป็นกุศล ก็ย่อมเป็นอกุศล (เมื่อไม่กล่าวถึงขณะที่เป็นวิบาก และกิริยา) และในขณะที่จิตเป็นอกุศล เป็นการเพิ่มพูนอกุศลให้มากขึ้น หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ ควรที่จะได้พิจารณาว่า ขณะที่จิตเป็นกุศล ไม่มีศัตรู แต่เมื่อใดก็ตามที่จิตเป็นอกุศล ขณะนั้นมีศัตรู ศัตรูที่ว่านั้น คือ ศัตรูภายใน อันได้แก่ กิเลสทั้งหลาย มีโลภะ โทสะ โมหะ เป็นต้น ซึ่งประเด็นที่กล่าวถึง คือ โทสะ ไม่ว่าจะโกรธน้อย หรือ โกรธมาก ก็คือ โทสะ เป็นอกุศลธรรมประการหนึ่ง ที่ไม่นำประโยชน์ใดๆ มาให้เลย ขณะที่จิตเป็นอกุศล ไม่ว่าจะเป็นในกรณีใดๆ ก็ตาม ขณะนั้นศัตรูภายในได้เกิดขึ้นทำร้ายจิตใจของเราแล้ว ไม่ได้ทำร้ายเฉพาะในชาตินี้เท่านั้น ยังติดตามไปทำร้ายถึงในชาติต่อๆ ไปด้วย น่ากลัวกว่าศัตรูภายนอกที่เข้าใจกัน อย่างมาก เพราะศัตรูภายนอกสามารถทำร้ายได้เพียงชาตินี้ชาติเดียว แต่ศัตรูภายในคือกิเลส ตามไปทำร้ายจิตใจ ในภพต่อๆ ไปด้วย ดังนั้น จึงต้องอาศัยพระธรรม ที่ผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง จึงจะสามารถออกไปจากวงล้อมของศัตรูภายในทั้งหลายเหล่านี้ได้ และสามารถที่จะทำอะไรๆ ในชีวิตประจำวันด้วยจิตที่เป็นกุศลเพิ่มขึ้นได้แทนที่จะเป็นอกุศล พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ชีวิตของแต่ละบุคคล เพื่อให้พิจารณาตัวเองเป็นสำคัญ เพื่อขัดเกลากิเลส อันเป็นศัตรูที่แท้จริงให้เบาบางลง จนกว่าจะสามารถดับได้อย่างเด็ดขาดในที่สุด ซึ่งจะต้องอาศัยกาลเวลาอันยาวนานในการอบรมเจริญปัญญาต่อไป ครับ ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณมากค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ให้เข้าใจความเป็นอนัตตา ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ ปกติธรรมดา
จิตเป็นอกุศลอยู่แล้ว ถ้าไม่เป็นไปในทาน ในศีล ในภาวนา ฯลฯ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุญาตร่วมแบ่งปัน
เข้าใจคำถามค่ะ เพราะเคยประสบเหตุการณ์คล้ายๆ กันมาก่อน ก็เป็นชีวิตปกติ
ห้ามสภาพธรรมไม่ให้เกิดไม่ได้ และก็ไม่เลือกเวลาด้วยว่า จะหลงลืมหรือระลึกได้
สภาพโทสะเห็นง่าย หยาบกระด้าง เกิดโทมนัส (ไม่ต้องการ) เมื่อยังมีความผูกพัน
ไม่ว่าญาติ ฯลฯ ในชีวิตธรรมดาๆ ก็ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัยนั้น
.....................
ให้สังเกตว่า ที่เดือดร้อนจริงๆ คืออะไร
ขณะนั้น เป็นอย่างไร
ยังละไม่ได้ แต่ค่อยๆ เข้าใจทีละนิดๆ
เป็นเราเมื่อไร
ก็เดือดร้อนเมื่อนั้นค่ะ :)
สุขเมื่อได้สิ่งที่ต้องการ
ทุกข์เมื่อไม่ได้สิ่งที่ต้องการ
หมุนเวียนไปแบบนี้
......................
การฟังธรรมเสมอ ย่อมอุปการะ
ด้วยความเป็นมิตร
ขออนุโมทนาค่ะ