ท่านสามารถยับยั้งความโกรธได้หรือไม่
โดย shumporn.t  23 ต.ค. 2552
หัวข้อหมายเลข 14063

ข้อความบางตอนจากเทปวิทยุ

ท่านอาจารย์ ท่านที่มีโทสะมากๆ ขณะที่กำลังมีโทสะ บ้างท่านอาจจะไม่ชอบ แต่บางกาละ บางขณะคิดว่าต้องโกรธ พิสูจน์ได้โดยการที่ว่า ลองบอกคนที่กำลังโกรธว่า ขณะนี้กำลังทำร้ายตัวเอง ความโกรธเป็นพิษเป็นโทษอย่างนั้น อย่างนี้ คนที่กำลังโกรธ ไม่หยุดโกรธ ก็ยังจะโกรธต่อไปอีก ทั้งๆ ที่ได้รับคำเตือนว่าอย่างนี้ โดยพระพุทธพจน์ที่ว่า ความโกรธเป็นโทษ เป็นภัย เป็นอกุศล กำลังเป็นสิ่งที่ทำร้ายตัวเอง ไม่ใช่คนอื่นทำร้ายเลย เท่าที่มีเหตุการณ์ต่างๆ เกิดขึ้นสำหรับผู้ที่กำลังโกรธ โดยเหตุที่เขาคิดว่าสมควรที่จะโกรธ เวลาที่กล่าวว่า ความโกรธกำลังทำร้าย เขาก็หยุดโกรธไม่ได้ และในขณะนั้น ก็ไม่ได้ฟังด้วย ก็ยังหาเหตุแสดงความสมควรที่จะต้องโกรธ เล่าเรื่องที่จะต้องโกรธให้ฟังต่อไป นี่ก็แสดงให้เห็นว่า แม้ว่าจะได้ฟังพระธรรม และก็รู้จักอกุศล ว่าเป็นอกุศล

แต่ปัญญาที่ยังไม่ถึงขั้นที่จะละคลายกิเลส ยังไม่เกิด ก็ไม่สามารถที่จะละคลายหรือดับกิเลสได้ นี่ก็เป็นชีวิตประจำวันจริงๆ เพราะฉะนั้น สำหรับผู้ที่ได้ฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม และเข้าใจพระธรรมแล้ว ก็ยังต้องเป็นไปตามเหตุตามปัจจัย โดยที่ว่าบังคับบัญชาไม่ได้ แต่ก็จะพิจารณาเห็นสภาพความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมะได้มากขึ้นว่า แม้ว่าเห็นว่ากิเลสอกุศลธรรมเป็นสิ่งที่ไม่ดี แต่เมื่อมีเหตุปัจจัยเกิดขึ้น ก็ไม่มีใครสามารถที่จะยับยั้งได้....



ความคิดเห็น 1    โดย ups  วันที่ 23 ต.ค. 2552

ขณะโกรธไม่รู้ตัวจริงครับ ว่าเป็นโทษกับตนเองและผู้อื่น แต่ก็ยังดี เมื่อบรรเทาแล้วนึกได้ว่าทำไมต้องโกรธ

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 2    โดย toangsg  วันที่ 23 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 3    โดย saifon.p  วันที่ 23 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย pornpaon  วันที่ 23 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 5    โดย noynoi  วันที่ 23 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 7    โดย เมตตา  วันที่ 23 ต.ค. 2552

ทั้งๆ ที่รู้ว่าโกรธเกิดขึ้นก็ทำร้ายตัวเอง แต่ก็ไม่สามารถยับยั้งความโกรธได้ เพราะได้สะสมอกุศลมามากกว่ากุศล เมื่อมีเหตุปัจจัยพร้อม ความโกรธก็เกิดขึ้น ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาได้ว่าจะไม่ให้โกรธ สภาพธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นตามเหตุปัจจัยทั้งสิ้น แม้ขณะโกรธก็เป็นเพียงธรรมะอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เรา..

กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย wannee.s  วันที่ 23 ต.ค. 2552

ความโกรธเมื่อมีเหตุมีปัจจัยก็เกิดอีก ตามการสั่งสม บางคนโกรธง่าย หายเร็ว บางคนโกรธยาก หายยาก บางคนโกรธยาก หายเร็ว บางคนก็มีเมตตามาก แต่ทีสำคัญปัญญารู้ว่าทั้งหมดเป็นธรรม ไม่ใช่เรา ไม่ว่าจะเป็นอกุศล หรือกุศลค่ะ


ความคิดเห็น 9    โดย จักรกฤษณ์  วันที่ 23 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 10    โดย wirat.k  วันที่ 23 ต.ค. 2552

เป็นอย่างนั้นจริงๆ ครับ

ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 11    โดย วิริยะ  วันที่ 24 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย homenumber5  วันที่ 24 ต.ค. 2552

อาการโกรธ เศร้า เสียใจ น้อยใจ หงุดหงิด รำคาญใจ เป็นตัวชี้วัดว่า การสิกขาธรรมะ สำเร็จไปเท่าใด ได้ไหมคะ


ความคิดเห็น 13    โดย รวงข้าวท้องแก่  วันที่ 25 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ เป็นไปตามพระพุทธดำรัสจริงๆ ครับ ยิ่งช่วงไหนที่โทสะเกิดบ่อย เกิดนาน จะเห็นว่า นอกจากจิตใจหม่นหมองกระวนกระวาย ไม่สงบ สติไม่เกิดแล้ว ยังรู้สึกว่าสุขภาพร่างกายเปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด รู้สึกว่าตัวร้อนขึ้น ร้อนจากข้างในร่างกาย ร้อนลึกยิ่งกว่าตอนเป็นไข้ครับ ปวดศีรษะ กล้ามเนื้อเขม็งตึงโดยไม่รู้ตัวบ่อยๆ - โทสะ ทำร้ายตัวเองทั้งรูปร่างกาย และจิตใจจริงๆ ครับ

และเมื่อพิจารณาว่า ขณะโกรธ ยังพยายามหาเหตุผล ความสมควรให้โทสะเกิดขึ้นอีก มากขึ้นอีก ก็ยิ่งรู้สึกว่า อกุศลนี่เป็นสิ่งที่ประมาทไม่ได้เลยจริงๆ ครับ หากไม่ตั้งใจสร้างเหตุให้กุศลเกิดบ่อยๆ อกุศลมักได้โอกาสเกิดขึ้นแทนเสมอๆ .


ความคิดเห็น 15    โดย homenumber5  วันที่ 4 พ.ย. 2552

ขณะนี้กำลังทำร้ายตัวเอง ความโกรธเป็นพิษเป็นโทษอย่างนั้น อย่างนี้ คนที่กำลังโกรธนี่ค่ะ ไม่หยุดโกรธนะค่ะ ก็ยังจะโกรธต่อไปอีก ทั้งๆ ที่ได้รับคำเตือนว่าอย่างนี้นะค่ะ โดยพระพุทธพจน์ที่ว่า ความโกรธเป็นโทษเป็นภัยเป็นอกุศล กำลังเป็นสิ่งที่ทำร้ายตัวเอง ไม่ใช่คนอื่นทำร้ายเลย

ขอแสดงความเห็นว่า

ปรมัตถธรรม ว่าด้วยจิต เจตสิก รูป การทำงานของจิตต้องประกอบกับเจตสิก และสิ่งสำคัญคือการทำงานของวิเสสลักษณะของ จิต เจตสิกแต่ละชนิด ขอผู้เจริญในธรรมโปรด เจริญ ลักขณาทิจตุกะ อันเป็นวิเสสลักขณะขององค์ธรรมทั้งหลาย แล้ว ท่านจะเพิ่มความเข้าใจเรื่องโทสะ ยิ่งขึ้น

ขอเจริญในธรรมยิ่งๆ อนุโมทนา


ความคิดเห็น 16    โดย chatchai.k  วันที่ 18 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ