การอบรมเจริญปัญญาเพื่อการบรรลุธรรมนั้น เป็นการขัดเกลากิเลสและมีการละอกุศลไปทีละขั้นตามลำดับ จากพระอริยบุคคลขั้นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามีและพระอรหันต์ เมื่ออกุศลถูกดับเป็นสมุทเฉทไปทีละขั้น กุศลจิตก็น่าจะมีเหตุให้เกิดมากขึ้นและละเอียดขึ้นตามลำดับผมจึงอยากเรียนถามว่าเหตุใดเมื่อบรรลุอริยสัจจธรรมขั้นสูงสุด เป็นพระอรหันต์แล้ว กุศลจิตจึงไม่เกิดขึ้นอีกเลย
เมื่อกล่าวถึง กุศลหรืออกุศล นั่นหมายถึงผู้ยังมีกิเลส มีอวิชชา อันเป็นธรรมที่ทำให้วัฏฏะเป็นไปคือ ทำให้มีปฏิสนธิวิญญาณ นามรูป สฬายตนะ เป็นต้น แต่พระอรหันต์ท่านดับอวิชชา อันเป็นตอของวัฏฏะได้แล้ว จึงไม่มีสังขาร คือบุญหรือบาป ดังนั้นผู้ที่เป็นพระอรหันต์ เมื่อชวนจิตของท่านเกิดขึ้นจึงเป็นชาติกิริยา ซึ่งเป็นธรรมฝ่ายโสภณะ แต่ไม่ส่งผลคือวิบากอีกต่อไป ฉะนั้น จิตชาติกิริยาจึงประณีตกว่าจิตชาติอกุศลและชาติกุศล ชวนจิตของพระอรหันต์เป็นเพียงกิริยาจิตเท่านั้น
ธรรมฝ่ายดีมี เช่น สติเจตสิก ปัญญาเจตสิก แต่เกิดกับจิตที่เป็นกิริยาจิต แทนที่จะเป็นกุศลจิตเหมือนดังเช่นบุคคลที่ยังไม่ใช่พระอรหันต์ครับ
ขออนุโมทนา ขออนุญาตถามต่อครับว่า โสภณเจตสิกเกิดร่วมกับกุศลจิต กุศลวิบากจิตและโสภณกิริยาจิต อะไรทำให้กุศลจิตของปุถุชนและพระเสขบุคคล ต่างจากโสภณกิริยาจิตของพระอรหันต์ อีกคำถามหนึ่งครับ พระอรหันต์มีอโสภณจิตที่ทำชวนกิจไหมครับ
ขออนุโมทนา
ขอถามอีกหนึ่งคำถามครับซึ่งเป็นเรื่องที่ต่อเนื่องกันคือ พระอรหันต์ท่านแย้มยิ้มด้วยโสภณกิริยาจิตได้หรือไม่ครับ
ขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาค่ะ