ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ดร.ชินวุธ เป็นพระคุณอย่างสูงครับ ทุกสิ่งทุกอย่างมองดูแล้วมีความละเอียดอ่อน ที่เราจะต้องรู้ทันตัวเราเองเป็นอย่างยิ่ง
ท่านอาจารย์ มิฉะนั้นแล้วดับกิเลสไม่ได้เลย ไม่มีทาง โดยวิธีอื่นไม่มีค่ะ มีแต่ว่าสติสัมปชัญญะ ละเอียดขึ้น และสามารถจะเห็นความละเอียดของอกุศล
ดร.ชินวุธ เพราะฉะนั้นพระภิกษุองค์หนึ่งที่แสดงธรรมในกรณีนี้ ก็อาจจะมีทั้งกุศลและอกุศลตลอดเวลาก็ได้ อย่างใดอย่างหนึ่ง
ท่านอาจารย์ เพราะว่าเมื่อพระพุทธองค์ตรัส ท่านก็รู้ว่า ท่านผิด ท่านเป็นผู้เขลา ท่านเป็นผู้หลง และท่านก็ทูลให้พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงรับโทษของท่านโดยความเป็นโทษ เพราะฉะนั้น ก็เป็นผู้ที่รู้สึกตัวสำหรับผู้ที่ใคร่จะเจริญกุศล ก็ไม่ควรที่จะคิดแต่เรื่องของทานกุศล ควรที่จะได้พิจารณาตนเองให้เข้าใจสภาพธรรมเพื่อที่ขัดเกลากิเลส ซึ่งยากกว่าการที่จะเจริญทานกุศล เพราะว่าต้องเป็นผู้ที่สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพจิตของตน และเป็นผู้ที่ตรง เป็นผู้ที่ละเอียด จึงจะเห็นกิเลสที่ละเอียดๆ ของตนเองได้ เช่นข้อความที่ได้กล่าวถึงแล้วในคราวก่อนคือ มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ อนุมานสูตร ที่ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ได้กล่าวกับภิกษุทั้งหลาย ให้พิจารณตนเอง ว่ามีอกุศลประการใดบ้าง เห็นไหมคะ แม้แต่ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ก็ยังกล่าวให้พระภิกษุทั้งหลายให้พิจารณาตนเอง ว่ามีอกุศลอะไรบ้าง นี่ เป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก ที่จะรู้ว่าตนเองเป็นผู้ที่มีความปรารถนาลามกหรือไม่ ลุอำนาจแห่งความปรารถนาลามกหรือไม่ ยกตนข่มผู้อื่นหรือไม่ มักโกรธหรือถูกความโกรธครอบงำ ลบหลู่ ตีเสมอ ริษยา ตระหนี่ เป็นต้น หรือไม่
และข้อความในอรรถกถาที่ท่านโบราณาจารย์
ได้ให้พิจารณาตนเอง วันละ ๓ ครั้ง สำหรับท่านที่ไม่สามารถจะพิจารณา ๓ ครั้ง ก็ควรพิจารณา ๒ ครั้ง หรือไม่สามารถจะพิจารณา ๒ ครั้ง ก็ควรพิจารณาวันละ ครั้ง
แต่ถ้าจะไม่พิจารณาเลยก็ไม่สมควร
ถ้าการพิจารณา ข้อความทั้งในพระสูตรและในอรรถกถา
ก็แสดงให้เห็นถึงปัญญาของตัวบุคคลที่ต่างกัน ซึ่งสำหรับผู้ที่มีกิเลสหนามาก เป็นผู้ที่ว่ายาก และไม่เคยเห็นกิเลสของตนเองเลย เห็นแต่กิเลสของคนอื่นหมด แต่กิเลสของตนเองมีอะไรบ้างไม่เคยที่จะนึกถึง ไม่เคยที่จะบอกคนอื่น หรือว่าจะกล่าวกับคนอื่น ถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะต้องตั้งต้นตั้งแต่การฟังพระธรรม และพิจารณาให้เห็นโทษของอกุศล และมีความเพียรเกิดขึ้นที่จะระลึก ทบทวน อกุศลของตนเองก่อนนอน
(มีต่อครับ)
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณและอนุโมทนาครับ
ตั้งต้นฟังพระธรรมให้เข้าใจว่า ธรรม เป็น ธรรม แล้วน้อมประพฤติปฏิบัติตามธรรมที่ได้เข้าใจกันใหม่ทุกวัน เพราะกิเลสที่มีอยู่ ยังทำให้เป็นผู้ที่ "ว่ายาก" อยู่บ่อยๆ ครับ
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาคุณหมอมากครับ
ขอบคุณ คุณ chaiyut มาก และขออนุโมทนาครับ
เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ครับ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณหมอ ครับ
ขอบพระคุณและดีใจมากที่คุณชอบเหมือนกับผม
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณคำปั่นครับ
ขอบพระคุณค่ะ ช่วยเตือนให้ได้พิจาณาอกุศลของตนเองก่อนที่จะนอนว่ามีมากมายแค่ไหน ในวันหนึ่งๆ
ขออนุโมทนาด้วยค่ะ
การพิจารณาตนเองให้เข้าใจสภาพธรรมเพื่อขัดเกลากิเลส เป็นเรื่องยาก กว่าจะรู้ตัวว่าหลงลืมสติไปมากแล้ว ก็เพลิดเพลินไปกับอารมณ์ที่ชอบบ่อยๆ ซ้ำๆ อยู่หลายวัน จนมาได้ฟังธรรมเกี่ยวกับเรื่องปัจจัยธรรมที่มูลนิธิฯ ก็พิจารณาตนเอง เป็นเรื่องจริงๆ ด้วยที่จิตครุ่นคิด จรดจ่อกับเรื่องราวนั้น เป็นการสะสมกิเลสมากขึ้นด้วย ถ้าได้พิจารณาตนเองทุกวัน ก็จะเป็นประโยชน์มาก
กราบขอบพระคุณท่านและอนุโมทนาด้วยค่ะ
"ควรที่จะได้ พิจารณาตนเองให้เข้าใจสภาพธรรมเพื่อที่ขัดเกลากิเลส"
"ต้องเป็นผู้ที่สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพจิตของตน และเป็น ผู้ที่ตรง เป็นผู้ที่ละเอียดจึงจะเห็นกิเลสที่ละเอียดๆ ของตนเองได้"
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ