คำบรรยายของท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในปกิณกธรรม ตอนที่ ๖๐๘ หมู่บ้านเมืองทองนิเวศน์ ปี ๒๕๔๕
ผู้ฟังที่ศึกษาพระวินัย ได้ประโยชน์หลายอย่าง คือ ได้ประโยชน์ที่จะรู้กาย วาจา ของตัวเอง แม้ว่าเป็นเพศคฤหัสถ์เนี่ยค่ะ แต่ถ้าสามารถที่จะมี กาย วาจา งามอย่างที่ทรงแสดงในเรื่องพระวินัยนะคะ ต้องเป็นประโยชน์ และก็การที่เราจะมีความเข้าใจความต่างกันของเพศบรรชิตหรือคฤหัสถ์ ก็อยู่ที่การศึกษาพระวินัย จะทำให้รู้เลยค่ะ ว่าการที่จะเป็นภิกษุในพระธรรมวินัยไม่ใช่โดยผ้าที่ครอง แต่ต้องเป็นโดยพระวินัยที่ทรงบัญญัติขัดเกลาอย่างยิ่ง
เพราะฉะนั้นคฤหัสถ์ ก็สามารถที่จะประพฤติปฏิบัติต่อพระภิกษุ เพื่อเกื้อกูลให้ท่านไม่ผิดพระวินัย ไม่มีโอกาส หรือแม้แต่เพียงว่า คิดว่าพระวินัยกล่าวอย่างนี้ ไม่ได้บัญญัติอย่างนี้ เราพอจะทำได้ แต่จะต้องมองไปถึงว่าสมควรหรือไม่ที่จะกระทำอย่างนั้น เป็นช่องทางที่จะให้เกิดการครหา หรือว่าเป็นโอกาสต่อๆ ไปที่จะทำให้กิเลสกำเริบขึ้นหรือเปล่า
เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องซึ่งเป็นประโยชน์ ทั้งคฤหัสถ์และบรรพชิตนะคะ แม้ว่าบรรพชิตบางท่าน ท่านก็อาจจะไม่ได้ศึกษาในส่วนที่ละเอียดมากนะคะ แต่ถ้าคฤหัสถ์มีความเข้าใจบ้าง ในส่วนที่ว่า ความต่างระหว่างเพศบรรชิตกับคฤหัสถ์ ก็จะทำให้เรามีความเคารพในความเป็นเพศบรรชิต และก็มีเมตตาจิต ที่จะเกื้อกูล แทนที่จะไปคิดว่าพระภิกษุรูปนี้ไม่ได้ศึกษาพระวินัยหรืออะไรต่างๆ นะคะ ก็จะมีความพยายามที่ให้เป็นประโยชน์ในการกระทำของเราเองซึ่งจะเป็นไปตามสิ่งที่คฤหัสถ์ควรที่จะปฏิบัติต่อบรรชิต
กราบเท้าบูชาท่านอาจารย์สุจินต์ และขออนุโมทนาทุกๆ ท่านครับ
เป็นกระทู้ที่มีประโยชน์อย่างมากนะคะ ที่จะเข้าใจว่าแม้แต่คฤหัสถ์ก็สามารถที่จะศึกษาพระวินัย และประพฤติปฏิบัติตามในสิ่งที่ช่วยขัดเกลากิเลส เพื่อที่จะมี กาย วาจา งามอย่างที่ทรงแสดงไว้ในพระวินัย
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง...
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณผู้ร่วมเดินทาง ด้วยค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณผู้ร่วมเดินทาง ด้วยครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ ด้วยความเคารพอย่างยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณผู้ร่วมเดินทางและทุกๆ ท่านด้วยครับ
เกือบทุกๆ ศาสนาในโลกนี้ก็สอนให้คนกระทำความดี แต่ความดีทั้งหลายก็ยังเป็นเราที่ทำดี พระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น ที่สอนให้รู้ว่าแม้เราก็ไม่มี มีแต่เพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไป ที่เรียกว่าชีวิตก็เป็นแต่เพียงจิต เจตสิก และรูป ที่เกิดขึ้น เห็น ได้ยิน และคิดนึก หลังเห็น หลังได้ยิน เป็นกุศล หรืออกุศลก็เกิดตามการสะสมของแต่ละท่าน สภาพธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่มีเราที่จะทำดี หรือทำชั่วได้ แท้จริงก็เป็นเพียงสภาพธรรมแต่ละขณะที่เกิดขึ้นตามเหตุปัจจัย
ฉะนั้นจึงต้องมั่นคงในความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม ไม่มีเราที่จะปฏิบัติธรรม มีแต่ความเข้าใจธรรมที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัญญา จะทำกิจปฏิบัติธรรมสมคารแก่ธรรมค่ะ
ขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มได้ที่...
การปฏิบัติธรรม
ปฏิบัติธรรม ไม่ใช่การไปทำปฏิบัติ
เรื่องการปฏิบัติธรรม
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน ด้วยค่ะ...
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และ ขอ อนุโมทนา ครับ, สวัสดี ครับ.
เรียนท่านเจ้าของกระทู้ เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าพุทธบริษัทต้องสิกขาพระวินัยโดยเฉพาะที่ ฆราวาส มีการสร้างบุญกุศลที่มีพระภิกษุมาเกี่ยวข้องหลายๆ พิธี เช่น งานกฐิน งานบวช การถวายภัตร เช่น ต้องรู้ว่า พระจับต้องเงินทองไม่ได้ ใช้สิ่งของเครื่องใช้ที่มีรูปหญิงสาว เด็กหญิง ไม่ได้ ไม่ใช้น้ำหอมน้ำปรุง ไม่ใช้หมอนข้าง ไม่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเด็ก ไม่เก็บสะสมอาหาร ไม่ขึ้นลิฟท์ เดินทางด้วยรถส่วนตัวตามลำพังกับสาว หรือเด็กหญิง (อีกมากที่อยู่ใน พระวินัย และที่หาได้ง่ายที่สุดคือในภิกขุปาฏิโมกข์) หากฆราวาสสิกขาและทำบุญอย่างถูกต้องพระธรรมวินัย ไม่ให้พระภิกษุต้องอาบัติ ปาจิตตีย์ ปาราชิก ก็ได้บุญยิ่งใหญ่กว่า จริงไหมคะ หากชาวพุทธเพิกเฉยแล้ว ใครจะมารักษาพระพุทธศาสนาแทน คงได้ พระภิกษุที่ไม่รู้วินัยอยู่ร่วมกับฆราวาสที่ไม่รู้วินัย กราบไหว้พระภิกษุที่ขาดพระวินัยทั้งที่พระพุทธองค์ทรงมอบพระธรรมวินัยมาให้เป็นศาสดาแทนหลังพุทธปรินิพพาน, ในด้านไสยศาสตร์ยังอุตสาห์ไปหา กระจก เครื่องลางของขลังแบบนั้นแบบนี้มาแก้เคล็ดแก้ดวง แต่กับพระพุทธศาสนาจะไม่ใส่ใจกันละหรือ
ขออนุโมทนาครับ