พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่าสังขารทั้งหลาย ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน ไม่น่าชื่นใจ, สังขารแม้อย่างหนึ่งที่เที่ยงนั้น ไม่มีเลย จะเห็นได้ว่า ชีวิตของแต่ละบุคคลก็ไม่พ้นจากสังขารเลย ทุกขณะของชีวิตเป็นสังขาร (จิต เจตสิก รูป) บุคคลในยุคต่างๆ ในสมัยของพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ บุคคลเหล่านั้นได้ กระทำกาละไป หมดแล้ว (ตาย) แล้วบุคคลเหล่านั้นอยู่ที่ไหน? ตราบใดที่ยังไม่ได้ดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด แน่นอนต้องเกิด มีจิต เจตสิก และรูป เกิดขึ้นเป็นไป ในภพต่างๆ ซึ่งอาจจะเป็นเรา หรือ เป็นใคร คนใดคนหนึ่ง ที่อยู่ที่นี่ในขณะนี้ก็ได้...
ดังนั้น ประโยชน์สูงสุดของการเกิดมาในแต่ละภพ แต่ละชาตินั้น ก็คือ มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญา (ความเข้าใจถูก ความเห็นถูก) ไปตามลำดับ จนกว่าจะมีมากขึ้น เจริญขึ้น ถึงขั้นดับกิเลสทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด บรรลุถึงความเป็นพระอรหันต์. สังสารวัฏฏ์จึงเป็นอันจบสิ้น...
ขออนุโมทนาค่ะ.....
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
แล้วบุคคลเหล่านั้นอยู่ที่ไหน?...อ่านแล้วทำให้คิดถึงสังสารวัฏฏ์ ในพระ
ไตรปิฎกกล่าวว่าสังสารวัฏฏ์ ยาวนานมากจน..ไม่สามารถหาที่สุดของเบื้องต้นและปลายได้ตราบใดที่ยังไม่สิ้นกิเลสต้องเวียนวายตายเกิดไปอีกนานเป็นบุคคลนี้ในชาตินี้และเป็นบุคคลใหม่ในชาติใหม่....จนไม่สามารถจดจำได้ว่าเคยเป็นใครอยู่ที่ไหนบ้าง...เพราะเราแม้ในชาติที่แล้วก็ยังไม่สามารจดจำได้....แล้วบุคคลเหล่านั้นอยู่ที่ไหน..ปุถุชนทั่วไปไม่มีทางรู้.....รู้แต่ว่าต้องเกิดอีกตราบใดที่ยังไม่สิ้นกิเลส....เป็นคำถามที่เตือนใจยิ่ง..
ขออนุโมทนาคะ
เชิญคลิกอ่าน...
สงสารและสัตว์ที่ไม่เคยเป็นพี่หญิงน้องหญิง [ภคินีสูตร]
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ