โสภณธรรม แผ่นที่ ๔ ตอนที่ ๒๓๓๖
บรรยายโดยท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวรเขตต์
ท่านอาจารย์สุจินต์ : มีท่านผู้หนึ่งท่านกล่าวว่า ในการรบจะต้องรู้ยุทธวิธีของศัตรู ถึงจะชนะได้ ถ้าไม่รู้จักยุทธวิธีของศัตรู ก็ชนะไม่ได้ นี่ในเรื่องของการรบ คือถ้าไม่รู้จักว่าศัตรูมีวิธีอะไรบ้างนะคะ ก็อาจจะถูกศัตรูหลอกลวง เพราะเหตุว่า ไม่รู้จักกลยุทธหรือยุทธวิธีของศัตรู
ในทางธรรมะก็เช่นเดียวกัน ไม่ต่างกันเลยนะคะ ถ้าไม่รู้จักศัตรูก็ไม่สามารถที่จะชนะศัตรูได้ ในทางโลกศัตรูคือคนอื่น ในทางธรรม ศัตรูคืออกุศลที่เกิดจากจิต
รู้จักศัตรูหรือยังคะ?
ทุกคนศึกษาพระธรรมที่จะชนะศัตรู แต่ถ้าไม่รู้จักศัตรูจริงๆ ไม่มีทางชนะได้ อย่างเมื่อกี้นี้ ศัตรูก็เกิดขึ้นที่หลอกตัวเองว่าเป็นสติปัฏฐาน นั้นก็คือศัตรู
สำหรับศัตรูในทางธรรมะนะคะ คือ อกุศลที่เกิดกับจิตทำให้จิตเป็นโรค เน่า เสีย ขณะใดที่อกุศลธรรมเกิด เพราะฉะนั้นก็ควรที่จะพิจารณาว่า อยากจะชนะศัตรู หรือว่าอยากจะปล่อยให้ศัตรูมีกำลังไปเรื่อยๆ
เนี่ยค่ะเป็นเรื่องที่ละเอียดเพราะเหตุว่า เป็นเรื่องของสภาพธรรมะที่เกิดกับจิตของแต่ละคน ไม่ใช่บุคคลอื่นที่จะต้องสู้รบตบมือหรืออะไรอย่างนั้นนะคะ แต่เป็นเรื่องของโยนิโสมนสิการะ ทุกขณะที่สติระลึกได้ หรือว่า ไม่ว่าเหตุการณ์ใดๆ จะเกิดขึ้นก็ตาม การที่สติจะระลึกรู้ว่าขณะนั้นนะคะ จะชนะศัตรูหรือแพ้ เพราะวันหนึ่งๆ อกุศลจิตเกิดมาก ไม่รู้สึกตัวเลย ไม่รู้ด้วยว่าจะชนะอกุศลนั้นๆ ได้อย่างไร แต่ถ้ารู้จริงๆ นะคะ ก็สามารถที่จะชนะได้
เพราะฉะนั้น ถ้ากล่าวว่าในทางธรรม ศัตรูคืออกุศลที่เกิดกับจิต ขณะนี้มีใครรู้จักศัตรูบ้างแล้ว หรือว่ารู้จักเพียงแต่ชื่อ แต่เวลาที่ศัตรูเกิดจริงๆ กำลังทำร้ายจริงๆ จิตขณะนั้น เสีย เป็นโรค เน่าจริง ขณะนั้นไม่รู้เลยว่ามีศัตรูแล้ว
เนี่ยค่ะ เป็นสิ่งที่พระธรรมจะทำให้ทุกท่านรู้จักศัตรูของตนเองดีขึ้้น เพราะมิฉะนั้นแล้ว ความไม่รู้ก็จะทำให้เอาใจช่วยศัตรูของตัวเอง ปลอบใจต่างๆ หรือว่าคิดว่า ขณะนั้น เป็นสติปัฏฐาน เป็นกุศล โดยแท้ที่จริงแล้วขณะนั้นนะคะ ก็ไม่ใช่สติปัฏฐาน
ในวันนี้ศัตรูมียุทธวิธีมากมายเพราะเหตุว่า ชนะอยู่ตลอดเวลาที่โลภะ โทสะ โมหะ เกิด แม้แต่การอบรมเจริญปัญญาก็ยังมีโลภะได้ โลภะไม่เกิดก็ยังมีโทสะเกิดอีกได้ด้วย นี้ก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถของศัตรูว่ามีมากจริงๆ จนกว่าปัญญาจะเกิดเมื่อไหร่ ก็จะรู้วิธีที่ชนะศัตรูได้ แต่ต้องเป็นเรื่องที่ละเอียดจริงๆ นะคะ
ศัตรูตัวใหญ่ที่เป็นต้นเหตุก็มี ๓ ซึ่งทุกคนได้ยินชื่อบ่อยๆ ไม่มีใครลืมเลยคือ โลภะ โทสะ โมหะ และ ใน ๓ อย่างนี้นะคะ อกุศลธรรมที่ขาดไม่ได้เลยเวลาที่ศัตรูมาก็คือ โมหะ ความไม่รู้ลักษณะสภาพธรรมะที่กำลังปรากฏ เพราะเหตุว่า ยุทธวิธีการดำเนินการ การปฏิบัติงานของโมหะนั้นคือปิดกั้นไม่ให้รู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏนั้น คือ หน้าที่ของโมหะค่ะ
เพราะฉะนั้น ทางเดียวที่จะชนะโมหะได้ ก็คือ อบรมสภาพธรรมะที่ตรงกันข้ามกับโมหะ คือ ปัญญา ให้เกิดขึ้นรู้สภาพธรรมะตามความเป็นจริง มิฉะนั้นแล้ว หากยังมีความไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมอยู่ แล้วจะไม่ให้มีโมหะ ไม่ให้มีโลภะ เป็นไปไม่ได้ หรือว่าจะไม่ให้มีโมหะ ไม่ให้มีโทสะ เป็นไปไม่ได้
เพราะฉะนั้นเมื่ออกุศลทุกอย่างปราศจากโมหะไม่ได้ การรบกับอกุศลธรรมที่จะไม่ให้อกุศลกรรมเกิดได้จริงๆ ก็จะต้องปราศจากปัญญาไม่ได้เช่นเดียวกัน
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ ด้วยความเคารพยิ่ง และขออนุโมทนาทุกๆ ท่านด้วยครับ
คงพอจะทราบยุทธวิธีของ "โมหะ" บ้างแล้วนะครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
- อยากจะชนะศัตรู หรือว่าอยากจะปล่อยให้ศัตรูมีกำลังไปเรื่อยๆ
- ทางเดียวที่จะชนะโมหะได้ ก็คือ อบรมสภาพธรรมะที่ตรงกันข้ามกับโมหะ คือ ปัญญา ให้เกิดขึ้นรู้สภาพธรรมะตามความเป็นจริง
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านผู้ร่วมเดินทาง และทุกๆ ท่านด้วยครับ
เตือนสติได้ดีมากๆ เลยค่ะ ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาค่ะ
เป็นกระทู้ที่อ่านแล้วโดนมากๆ แต่ปัญหามีอยู่ว่า ... คนส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าศัตรูคือกิเลส จึงยินดีอยู่ร่วมกับศัตรูที่ดูเสมือนมิตร และไม่คิดที่จะกำจัดศัตรูนี้ออกไปทั้งๆ ที่ถูกทำร้ายอยู่ตลอด สำหรับคนที่เข้าใจธรรม เริ่มเห็นแล้วว่ากิเลสเป็นภัยคือศัตรู แม้จะยังไม่สามารถเอาชนะได้ แต่ก็จะพลั้งเผลอให้กับศัตรูน้อยลง การรบที่ยิ่งใหญ่จึงเป็นการรบกับกิเลสที่มีอยู่ในใจตนค่ะ
ขออนุโมทนา
"... สำหรับคนที่เข้าใจธรรม เริ่มเห็นแล้วว่ากิเลสเป็นภัย คือ ศัตรู แม้จะยังไม่สามารถเอาชนะได้ แต่ก็จะพลั้งเผลอให้กับศัตรูน้อยลง ..."
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณผู้ร่วมเดินทาง และ ทุกๆ ท่านครับ
ศัตรูตัวแรกที่จะต้องรู้จักก่อน คือ โมหะ ความไม่รู้ เพราะความไม่รู้จึงหลงยึดสภาพธรรมว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน เป็นผู้ที่เรารัก เป็นผู้ที่เราชัง เป็นเหตุให้ศัตรูอื่นๆ ติดตามมา โลภะบ้าง โทสะบ้าง เพราะฉะนั้น ความรู้ คือ วิชชา คือ ปัญญา ที่จะรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง เพื่อละความไม่รู้ที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา เป็นเขา เป็นสิ่งต่างๆ
กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ ด้วยความเคารพยิ่ง
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านผู้ร่วมเดินทาง และทุกๆ ท่านด้วยค่ะ
กุศลทุกประการเปรียบเหมือนญาติ เปรียบเหมือนมิตร ที่ไม่มีเวร ไม่มีภัยกับใคร ค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพรคุณและกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ครับ
ขอบพระคุณและอนุโมทนาคุณผู้ร่วมเดินทางและทุกท่านครับ
การจะอบรมปัญญาเพื่อสู้กับกิเลส ต้องอาศัยการฟังพระธรรมจนเข้าใจและการประพฤติปฏิบัติตาม พระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ เช่น ละอกุศลทั้งปวง เจริญกุศลให้ถึงพร้อม ยังจิตให้ผ่องแผ้ว
เห็นด้วยกับทุกๆ ท่านครับ ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ