ความพอใจที่จะอบรมเจริญเมตตา
โดย pirmsombat  11 ก.ย. 2553
หัวข้อหมายเลข 17162

ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรมโดยท่านอาจารย์ สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นพระธรรมที่พระผู้ฯ ทรงแสดง แม้แต่โลภะ เป็นข้าศึกไกล้ก็เพื่อประโยชน์ คือ ให้ปฏิบัติ ให้สังเกต ให้พิจารณา เพื่อที่จะละคลายเหตุแห่งทุกข์ให้ลดน้อยลง เพราะว่าถ้าไม่รู้ ทุกคนก็เข้าใจว่า เมตตา แต่ความจริงเป็น โลภะ เพราะฉะนั้นวันหนึ่งก็ต้องเป็นทุกข์เพราะ โลภะ แต่ถ้ารู้ว่า โลภะ กับ เมตตา มีลักษณะที่ต่างกัน กุศลจิตก็ย่อมจะจริญขึ้น โดยคลายความติด ความสเน่หา หรือ โลภะ
จนกระทั่งแม้สี่งนั้น จะมีอันเป็นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ก็ไม่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ขึ้นได้ นั่นคือลักษณะของเมตตาจริงๆ ข้อความในอรรถคถา มีว่า

การเจริญขึ้นของเมตตานั้นเรี่มด้วย "กัตตุกัมมะยะตา ฉันทะ" คือความพอใจที่จะอบรมเจริญ เมตตา นี่เป็นขั้นต้นค่ะ เพราะว่าทุกคนทราบว่า อโทส ก็เป็น โสภณธรรม เมตตาต่อ สัตว์ บุคคล ทั้งหลาย ก็เป็นธรรมฝ่ายดี แต่ว่าทำอย่างไรจึงจะ มีเมตตาเพี่มขึ้นมากๆ เพราะว่าถ้ายังโกรธใครอยู่ ก็แสดงว่า ขณะนั้นขาดเมตตา เพราะว่าถ้ายังโกรธ ชื่อว่า เมตตา เกิดไม่ได้ เป็นสภาพธรรมที่ตรงกันข้าม เพราะฉะนั้นการที่เมตตาจะเจริญขึ้นได้ ก็ต้องเรี่มด้วย "กัตตุกัมมะยะตา ฉันทะ" ความพอใจที่จะอบรมเจริญเมตตา

เมื่อได้ฟังพระธรรมมามากแล้ว ก็เป็นผู้ที่น้อมประพฤติ ปฏิบัติตาม โดยเฉพาะในเรื่องของ เมตตา ถ้าอบรมเจริญแล้วก็ไม่ยากเลย ที่จะมีความเป็นมิตรกับทุกคนแล้วก็อภัยให้ ในสี่งซึ่งอาจจะขาดตกบกพร่องของบุคคลอื่น แต่ว่าถ้าเป็นผู้ที่ ไม่มีฉันทะ มีความพอใจที่จะอบรมเจริญเมตตา ก็อาจจะ ขัดหู ขัดตา หรือว่าขุ่นเคือง ไม่พอใจใน สัตว์ บุคคล ทั้งหลายได้



ความคิดเห็น 1    โดย ประสาน  วันที่ 11 ก.ย. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 2    โดย เมตตา  วันที่ 11 ก.ย. 2553

เรื่องของ เมตตา ถ้าอบรมเจริญแล้วก็ไม่ยากเลยที่จะ มีความเป็นมิตรกับทุกคน แล้วก็อภัยให้ ในสี่งซึ่ง อาจจะขาดตกบกพร่องของบุคคลอื่น

...ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ...


ความคิดเห็น 3    โดย pirmsombat  วันที่ 11 ก.ย. 2553

ขอบคุณและอนุโมทนาทุกท่านครับ


ความคิดเห็น 4    โดย จักรกฤษณ์  วันที่ 11 ก.ย. 2553

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย bsomsuda  วันที่ 11 ก.ย. 2553

"...แม้สี่งนั้นจะมีอันเป็นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ก็ไม่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ขึ้นได้ นั่นคือลักษณะของเมตตาจริงๆ ..."

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย พร้อมเสมอ  วันที่ 12 ก.ย. 2553

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 7    โดย wannee.s  วันที่ 13 ก.ย. 2553

เมตตา คือ ความเป็นมิตร ความเ็ป็นเพื่อน ไม่จำกัดเฉพาะบุคคลหนึ่ง บุคคลใดโดยเฉพาะ ต้องเสมอเหมือนกันหมด ดังคำที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเจตต์ ได้กล่าวที่บ้านมิ่งโมฬี จังหวัดราชบุรี วันที่ 8 กันยายน 2553 ว่า เมตตาต้องอบรมเจริญให้แผ่ไปจะไปจำกัดทำไมของดีๆ ค่ะ


ความคิดเห็น 8    โดย khampan.a  วันที่ 13 ก.ย. 2553

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นัน

"เมตตาต้องอบรมเจริญให้แผ่ไป จะไปจำกัดทำไมของดีๆ "

...ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ...


ความคิดเห็น 9    โดย Sensory  วันที่ 15 ก.ย. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

อ่านข้อความด้านบนดังนี้ แล้วซึ้งมาก เห็นด้วยตามนั้น

โลภะ กับ เมตตา มีลักษณะที่ต่างกัน กุศลจิตก็ย่อมจะจริญขึ้น โดยคลาย ความติด ความสเน่หา หรือ โลภะ จนกระทั่งแม้สี่งนั้น จะมีอันเป็นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ก็ไม่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์ขึ้นได้ นั่นคือลักษณะของเมตตาจริงๆ

ขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 10    โดย prakaimuk.k  วันที่ 15 ก.ย. 2553

เห็นด้วยเช่นกันกับความคิดเห็นที่ 9 ค่ะ สมควรนำไปปฏิบัติให้เกิดผลจริงๆ

ขออนุโมทนากับทุกๆ ท่านด้วยค่ะ....


ความคิดเห็น 11    โดย ไตรสรณคมน์  วันที่ 15 ก.ย. 2553
อ้างอิงจาก : ความคิดเห็นที่ 7

เมตตา คือความเป็นมิตร ความเ็ป็นเพื่อน ไม่จำกัดเฉพาะบุคคลหนึ่ง บุคคลใดโดยเฉพาะ ต้องเสมอเหมือนกันหมด ดังคำที่ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเจตต์ ได้กล่าวที่บ้านมิ่งโมฬี จังหวัดราชบุรี วันที่ 8 กันยายน 2553 ว่า เมตตาต้องอบรมเจริญให้แผ่ไป จะไปจำกัดทำไมของดีๆ ค่ะ

คมและเตือนสติได้ดี.....

ขอกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ค่ะ

และขอขอบคุณพี่วรรณีด้วยค่ะ


ความคิดเห็น 12    โดย oiljj  วันที่ 9 ธ.ค. 2553

ขออนุโมทนาในบุญกุศลที่เกิดกับทุกท่านด้วยค่ะ


ความคิดเห็น 13    โดย peem  วันที่ 10 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 14    โดย chatchai.k  วันที่ 18 ส.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ