ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขออนุญาตแบ่งปันข้อความธรรม (ปันธรรม) ที่ได้จากการฟังพระธรรมจากท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ในแต่ละครั้ง รวบรวมเป็นธรรมเตือนใจเพื่อศึกษาและพิจารณาร่วมกัน เพื่อความเข้าใจธรรม (ปัญญ์ธรรม) ตามความเป็นจริง ซึ่งเป็นข้อความที่สั้นบ้าง ยาวบ้าง แต่ก็มีอรรถที่สมบูรณ์ พอที่จะเข้าใจได้ควรค่าแก่การพิจารณาอย่างยิ่ง ดังนี้
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๗๖
~ ขอให้ได้ทำสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อพระพุทธศาสนา
~ สิ่งใดก็ตาม ที่เข้าใจกันผิดๆ ว่า เป็นการส่งเสริม สิ่งนั้น ทำลายทั้งหมด เมื่อไม่ใช่ความจริง
~ คฤหัสถ์ต่างหาก ที่มีเรื่องที่เกี่ยวกับเงินและทอง แต่พระภิกษุและสามเณร ทั้งหมดไม่รับ และไม่ยินดีในเงินและทอง ด้วย
~ การที่จะสละเพศคฤหัสถ์สู่เพศบรรพชิต เพื่ออะไร? ถ้าไม่เป็นการเพื่อที่จะขัดเกลากิเลส โดยศึกษาพระธรรม และประพฤติปฏิบัติตามพระวินัย ไม่ใช่พระภิกษุ แน่นอน
~ สิ่งที่มีค่าที่ควรที่จะได้เข้าใกล้ ก็คือ การได้ยินได้ฟังคำ ซึ่งเป็นคำจริง บ่อยๆ เนืองๆ
~ เพศคฤหัสถ์ก็ฟังธรรม ศึกษาธรรม สนทนาธรรมได้ อบรมเจริญปัญญาในเพศคฤหัสถ์ได้
~ คนที่กล่าวว่า "ยุคสมัยเปลี่ยนไป เพราะฉะนั้น พระภิกษุต้องรับเงินทอง ไม่อย่างนั้น จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร" เขา เคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือเปล่า ผู้ทรงบัญญัติสิกขาบท (บทที่จะต้องศึกษาและประพฤติตาม) ซึ่งคำใด ที่ตรัสแล้ว เปลี่ยนไม่ได้
~ มิใช่ให้ถวาย (เงิน) โดยตรง (กับพระภิกษุ) แต่มอบไว้ในมือกัปปิยการก (คฤหัสถ์ผู้กระทำในสิ่งที่สมควร) ผู้ที่ดูแล ผู้ที่สมควรที่จะจัดของสำหรับถวาย พระผู้มีพระภาคทรงอนุญาตให้ยินดีของอันเป็นกัปปิยะที่สมควรจากกัปปิยภัณฑ์ จากเงินทองที่เขาให้แก่กัปปิยการกนั้น แต่พระผู้มีพระภาคมิได้กล่าวว่า พึงยินดี พึงแสวงหาทองและเงินโดยปริยายไรๆ เลย
~ จุดประสงค์ของพระธรรมวินัย เพื่อละ เพื่อขัดเกลากิเลส
~ ถ้ามีชีวิตที่เป็นอยู่แล้ว รับเงิน นั่น ไม่ใช่พระภิกษุ
~ ความไม่ละอายเป็นสภาพธรรมซึ่งเป็นเจตสิก เกิดพร้อมกับอกุศลจิตทุกดวง เพราะความไม่ละอายในอกุศลธรรมระดับนั้น ขั้นนั้น ยังมี จิตจึงเกิดเป็นอกุศลในขั้นนั้น ปัญญาที่รู้ความจริงอย่างนี้บ่อยๆ เนืองๆ จะขัดเกลาละอหิริกะ (ความไม่ละอาย) ในอกุศลธรรมเท่าที่ระดับขั้นของปัญญาจะเป็นไปได้ แล้วแต่ว่าปัญญาขั้นใดจะเกิดขึ้นรู้ลักษณะของสภาพธรรมขั้นใด ก็ขัดเกลาละคลายอกุศลธรรมระดับนั้นๆ
~ พระธรรม เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด ไม่ใช่แต่เฉพาะในบ้าน ในเมือง แต่ทั้งโลกด้วย ควรหรือไม่ที่เราจะเห็นประโยชน์สูงสุด ที่จะรักษาความถูกต้อง และให้คนอื่นได้มีความเข้าใจถูกด้วย ถูก ต้อง ถูก และผิด ก็ต้องผิด เพราะฉะนั้น ชาวพุทธหรือพุทธบริษัท ตัดสินใจหรือยังว่า ถึงเวลาที่ (แม้) คนอื่นเขาไม่ทำ แต่เราทำ ทีละคน สองคน สามคน ก็แล้วแต่จำนวน ก็ยังดีกว่าที่เกิดมาแล้ว ไม่ได้ทำอะไรที่จะเป็นประโยชน์
~ ละอายไหม ที่จะมีความไม่รู้ต่อไป ฟังธรรมด้วยความเคารพหรือเปล่า ไม่เอาความเห็นส่วนตัวหรือความคิดเดิมๆ มาเปลี่ยนแปลงทำให้พระธรรมคลาดเคลื่อน แต่ต้องตรงต่อความเป็นจริงว่าฟังธรรม ตรง ต่อคำว่า ฟังธรรม
~ ขณะใดที่จิตอ่อนโยน มีความเป็นมิตร แล้วช่วยเหลือคนอื่น ขณะนั้นก็เป็นบุญ หรือเป็นกุศลจิต หรือ ขณะที่จิตอ่อนโยน สละสิ่งที่มีให้เป็นประโยชน์สุขแก่คนอื่น ขณะนั้นก็เป็นกุศลจิต
~ ต้องเป็นผู้ตรงจริงๆ มีความนอบน้อมต่อพระรัตนตรัย แม้แต่พระธรรม นอบน้อมด้วยการศึกษา ด้วยการพิจารณาด้วยความละเอียด ที่จะให้ไม่บิดเบือน ไม่เข้าใจผิดในพระธรรม เพราะว่าถ้าเราเข้าใจผิดจะผิดกันไปตลอด ไม่ตรงกับที่ทรงแสดงไว้ เท่ากับไม่เคารพในพระธรรม แต่ถ้าเคารพในพระธรรม สิ่งใดที่ถูกคือถูก สิ่งใดที่ผิดคือผิด แล้วต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ
~ พระธรรมแต่ละคำที่แต่ละคนได้ยินได้ฟังนี้ มาจากการบำเพ็ญพระบารมีนานแสนนานของผู้ที่จะได้ทรงตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ละคำคือพระมหากรุณาคุณตั้งแต่ครั้งทรงบำเพ็ญพระบารมีเป็นพระโพธิสัตว์จนกระทั่งได้ทรงตรัสรู้ มีค่ามากสำหรับที่จะทำให้คนอื่นได้มีความเข้าใจจริงๆ
~ ธรรมที่จะเป็นที่พึ่งได้จริงๆ นั้นต้องเป็นกุศล แต่ว่ายากที่จะเกิด เพราะเหตุว่าเมื่อสะสมอกุศลมามาก ก็ย่อมมีปัจจัยให้อกุศลธรรมเกิดมากกว่ากุศลธรรม เพราะฉะนั้น ผู้ที่เห็นว่าธรรมใดเป็นที่พึ่งอย่างแท้จริง ก็จะเข้าใจในคุณของธรรมนั้น กล่าวคือคุณของกุศลธรรม ก็ย่อมจะเป็นปัจจัยให้ได้เจริญกุศลในชีวิตประจำวัน
~ อกุศล เกิดบ่อยๆ เรื่อยๆ เกิดขึ้นเมื่อใด ก็ขัดขวางการเจริญขึ้นของกุศลเมื่อนั้น
~ ไม่ควรที่จะมีความคิดไม่ดีกับใครๆ เลย เพราะเหตุว่าเป็นโทษสำหรับตนเอง และโทษนี้ถ้าเป็นอกุศลกรรม ก็จะทำให้เกิดในอบายภูมิได้
~ ขณะที่โกรธ ไม่ใช่มิตร ขณะที่หวังร้าย ไม่ใช่มิตร ขณะที่เป็นอกุศลทั้งหมด ไม่ใช่มิตร
~ บุคคลที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรม เพราะได้สะสมบุญในอดีตพอที่จะผันชีวิตให้มามีโอกาสได้ยินได้ฟังสิ่งที่ทำให้เกิดความเข้าใจถูกเห็นถูก ซึ่งเป็นคำสอนที่ประเสริฐเพราะมาจากการตรัสรู้ของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ธรรมเป็นสิ่งที่มีจริง กุศล เป็นกุศล อกุศล เป็น อกุศล ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่นได้ ใครๆ ก็หลอกลวงสภาพธรรมไม่ได้ เมื่ออกุศลเกิดขึ้น แม้คนนั้นจะบอกว่าเป็นกุศล ก็ไม่เป็นไปตามนั้น เพราะเป็นอกุศล จะเป็นกุศลไปได้อย่างไร
~ เมื่อมีอวิชชา (ความไม่รู้) เป็นอย่างมาก แล้วจะให้ปัญญาเจริญขึ้นมากๆ ในทันทีทันใด ย่อมเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
~ ฟังให้เข้าใจว่าขณะนี้เป็นธรรม เมื่อไม่ขาดการฟัง ความเข้าใจก็จะค่อยๆ เจริญขึ้น การฟังพระธรรม เป็นเหตุให้ปัญญาเจริญขึ้น ขอเพียงไม่ปล่อยมือจากพระธรรม
~ ถ้าไม่มีปัญญา ย่อมไม่สามารถที่จะพ้นจากความเห็นผิดและไม่สามารถที่จะสละอะไรๆ ได้เลย
~ ยังไม่ดี เพราะความเข้าใจยังไม่เพียงพอ ปัญญานี้เอง เป็นปัจจัยให้กุศลธรรมประการต่างๆ เจริญขึ้น
~ มีความไม่รู้ แต่จะเริ่มรู้ เริ่มเข้าใจสิ่งที่มีจริงได้ ก็ต่อเมื่อได้ฟังคำจริงจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
~ ที่จะดำรงรักษาพระธรรมวินัย ได้ ก็อยู่ที่ความเข้าใจถูกเห็นถูกของแต่ละบุคคล
~ ถ้าเชื่อคนเลว ก็เลวตามกันไปหมด
~ ทิ้งความเห็นผิดเก่า แล้วมาหาความผิด ใหม่ อีก เพราะไม่เข้าใจพระธรรม
~ ชาวพุทธจะขาดความเข้าใจพระธรรมและพระวินัย ไม่ได้
ขอเชิญผู้ศึกษาพระธรรมร่วมกัน (สหายธรรม) ร่วมแบ่งปันธรรมด้วยครับ
ขอเชิญคลิกอ่านย้อนหลังครั้งที่ผ่านมาได้ที่นี่ครับ
ปันธรรม - ปัญญ์ธรรม ... ครั้งที่ ๒๗๕
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ ขอความเจริญในพระธรรมวินัยดำรงค์มั่นในผู้ศึกษาและเข้าใจพระธรรมค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ถ้าเชื่อคนเลว ก็เลวตามกันไปหมด
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขออนุโมทนาครับ