ในชีวิตประจำวันตั้งแต่เช้าตื่นขึ้นมา ทันทีที่เห็น ก็ไหลไปตาม กระแสอาสวะ ... ความไม่รู้ ความติดข้อง ไหลไปตามกระแสของอกุศลเกือบตลอดทั้งวัน เพราะเหตุว่า ไม่ได้ศึกษา ไม่ได้เข้าใจความเป็นจริงของสิ่งต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่มีจริงในชีวิตประจำวัน ถ้าไม่เข้าใจธรรมเมื่อไหร่ กระแสของอาสวะก็ไหลไปแล้วใน ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกายและทางใจ แต่เมื่อฟัง และศึกษาพระธรรมมีความเข้าใจถูกเห็นถูกใน สิ่งที่กำลังปรากฏ เมื่อมีเหตุปัจจัยพร้อม สติเกิดขึ้นกั้นกระแสของอกุศลไม่ให้เกิดขึ้น และเมื่อไหร่ที่รู้สิ่งที่กำลังปรากฏ สามารถสละทุกอย่างได้เป็นทานบารมี
เพราะ ฉะนั้น ความเข้าใจถูกเห็นถูกซึ่งเป็นปัญญา เท่านั้น ที่จะเป็นปัจจัยให้ สติกั้นกระแส อาสวะ สติกั้นกระแสของอกุศลได้
ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่ ...
สติเป็นเครื่องกั้นกระแส ... กระแสเหล่านั้นบัณฑิตละได้ด้วยปัญญา
ขออนุโมทนาค่ะ ...
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
โดยปกติของปุถุชนแล้ว เป็นผู้ตกไปในฝักฝ่ายของอกุศลเสียเป็นส่วนใหญ่ เป็นผู้มีโทษมาก เพราะกาย วาจา และใจ เป็นไปกับด้วยอกุศล ตามความเป็นจริงแล้ว ถ้าจิตไม่ได้เป็นไปในทาน ไม่ได้เป็นไปในศีล ไม่ได้เป็นไปในการอบรมเจริญความสงบของจิตและการอบรมเจริญปัญญาแล้ว เป็นอกุศลทั้งนั้น (เมือไม่กล่าวถึงขณะที่เป็นวิบาก และ กิริยา) มีเพียงกุศลเกิดแทรกสลับกับอกุศล เท่านั้นจริงๆ ซึ่งขณะที่ิจิตเป็นกุศล ประกอบด้วยโสภณเจตสิกฝ่ายดีประการต่างๆ มีศรัทธา หิริ โอตัปปะ อโลภะ อโทสะ สติ เป็นต้น ย่อมเป็นการกั้นกระแสของอกุศล
เนื่องจากว่าใน ขณะที่เป็นกุศลอกุศลก็เกิดไม่ได้ โดยไม่มีตัวตนที่ไปกั้น แต่เป็นธรรมฝ่ายดีที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ซึ่งจะต้องค่อยๆ เจริญกุศล เห็นประโยชน์ของความดีประการต่างๆ [ไม่เห็นว่าอกุศลดีกว่ากุศล] โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือ การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมอบรมเจริญปัญญา ซึ่งจะเป็นไปเพื่อความเข้าใจถูกเห็นถูก เป็นไปเพื่อละคลายกิเลส จนกระทั่งสามารถดับได้ในที่สุด การอบรมเจริญปัญญา เป็นการอบรมที่จะต้องอาศัยกาลเวลาที่ยาวนาน ได้ฟังพระธรรมในชาตินี้ก็สะสมไว้เป็นที่พึ่งต่อไปในภายหน้า ความเข้าใจไม่สูญหายไปไหน มีแต่จะสะสมเพิ่มมากยิ่งขึ้น เมื่อไม่ขาดการฟังพระธรรม ครับ
... ขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตา และ ทุกๆ ท่านครับ ...
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
" ... เมื่อไหร่ที่รู้สิ่งที่กำลังปรากฏ สามารถสละทุกอย่างได้เป็นทานบารมี
เพราะฉะนั้นความเข้าใจถูกเห็นถูกซึ่งเป็นปัญญาเท่านั้น ที่จะเป็นปัจจัยให้สติกั้น กระแสอาสวะ สติกั้นกระแสของอกุศลได้ ... "
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลวิริยะของพี่เมตาตาครับ
"ได้ ฟังพระธรรม ในชาตินี้ก็ สะสมไว้เป็นที่พึ่ง ต่อไปในภายหน้า ความเข้าใจไม่สูญหาย ไปไหน มีแต่จะสะสม เพิ่มมากยิ่งขึ้นเมื่อไม่ขาด การฟังพระธรรม"
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของพี่เมตตา อ.คำปั่น และทุกท่านค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ